มีรถยนต์เพียงไม่กี่รุ่นที่สั่งสมชื่อเสียงยาวนานหลายทศวรรษ หนึ่งในนั้นคือ Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางและโลดแล่นอยู่บนท้องถนนทั่วทุกมุมโลก
นับตั้งแต่เปิดตัวออกทำตลาดครั้งแรกในปี 1972 รถคอมแพ็กต์รุ่นนี้มียอดขายเกือบ 30 ล้านคันใน 170 ประเทศทั่วโลก ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และยาวนานของ Honda ด้วยการมีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดยั้ง
Civic เจนแรกอาจดูเหมือนรถขนาดมินิหรือเคคาร์เมื่อเทียบกับตัวถัง FE รุ่นปัจจุบันที่เพิ่งเปิดตัวทำตลาดเมืองไทยได้ไม่นาน แต่แน่นอนว่ารุ่นบุกเบิกย่อมมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ อีกทั้งยังถูกยกย่องให้เป็นรถที่ช่วยสานความฝันของ Honda ในการสร้างรถยนต์นั่ง
ความสมบูรณ์แบบต้องมาก่อน
นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 1948 โซอิชิโระ ฮอนดะ ยึดถือแนวคิดการพัฒนาระบบวิศวกรรมที่สมบูรณ์แบบจนบางครั้งทำให้หลายโปรเจคต์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่มีความคืบหน้ามากเท่าที่ควร
โซอิชิโระ เชื่อว่าหากต้องสร้างรถยนต์นั่งคันแรกขึ้นมารถรุ่นนั้นต้องเป็นรถสปอร์ต จึงเป็นที่มาของการพัฒนา S500 ในปี 1963 ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก แต่ก็กลายเป็นรถสุดคลาสสิคระดับ “คัลต์” มีจำนวนการผลิตเพียง 1,363 คัน กลายเป็นตำนานที่หาชมได้ยากยิ่งในปัจจุบัน
กระทั่งถึงช่วงปลายทศวรรษ 1960 ฮอนดะต้องการ “รถยนต์นั่งที่แท้จริง” ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าบริษัทของเขาสามารถสร้างสิ่งอื่นได้นอกเหนือจากมอเตอร์ไซค์
เป้าหมายของโซอิชิโระ คือการสร้างรถยนต์นั่งระดับโลก เขาจึงเข้ามาควบคุมทุกกระบวนการพัฒนาและต้องการความสมบูรณ์แบบ ผสมผสานพละกำลัง ความสะดวกสบาย และความประหยัดน้ำมันเข้าไว้ด้วยกันในคันเดียว
ว่ากันว่าโซอิชิโระ เดินทางไปยังศูนย์วิจัยและพัฒนาเป็นประจำทุกวัน และกำหนดแนวทางการทำงานของแต่ละฝ่ายโดยตรง แต่แล้ว Toyota ได้เปิดตัว Mark II ซึ่งทำให้โซอิชิโระตั้งเป้าหมายสร้างรถยนต์ที่มีพละกำลังอย่างน้อย 95 แรงม้า และมีความเร็วสูงสุด 175 กม.ต่อชม. อีกทั้งยังต้องมีการระบายความร้อนด้วยอากาศ
วิศวกรรายหนึ่งที่เคยทำงานกับ Honda กล่าวว่า “ไม่มีใครสักคนกล้าปฏิเสธท่านผู้เฒ่า (โซอิชิโระ) และเราทุกคนพยายามตอบคำถามของเขาในแง่บวก”
ผลลัพธ์ที่ได้คือ Honda 1300 เปิดตัวออกทำตลาดในปี 1969 และได้เสียงตอบรับอย่างยอดเยี่ยมจากสื่อมวลชนทั่วโลก แต่ทำยอดขายได้ไม่น่าพึงพอใจนัก ความล้มเหลวด้านตัวเลขนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน Honda
รถยนต์รุ่นต่อไปคือการเดิมพัน
ทีมวิศวกรของ Honda ตระหนักดีว่าหลังจากล้มเหลวกับยอดขายรถยนต์ 1300 โปรเจคต์ต่อไปจะมีความสำคัญอย่างยิ่ง และพวกเขาต้องการให้โซอิชิโระวางมือจากการบริหารงานด้านปฏิบัติงานและคุมนโยบายอย่างเดียว
รถยนต์รุ่นต่อจาก 1300 ที่ทีมวิศวกร Honda ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่อายุไม่มากนักต้องการคือรถยนต์ที่เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย มีความทนทานต่อการใช้งานในเมืองและนอกเมือง
นำมาซึ่งการพัฒนา Honda Civic ที่เปลี่ยนจากระบบระบายความร้อนด้วยอากาศไปเป็นระบายความร้อนด้วยน้ำเหมือนเดิม ช่วยตอบโจทย์ทั้งในด้านกฎระเบียบมลพิษและเงินในกระเป๋าของผู้บริโภคเพราะมีความประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยม
ปรัชญาการออกแบบ Man Maximum, Machine Minimum ถูกนำมาใช้ในการออกแบบภายในห้องโดยสารของ Civic รุ่นแรก ซึ่งทำให้ต้องออกแบบช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระแต่ถูกคัดค้านโดยโซอิชิโระ ทีมวิศวกรต้องหว่านล้อมอย่างหนักเพื่อให้ท่านประธานอนุมัติ
สุดท้ายโซอิชิโระ ยินยอมให้ทีมวิศวกรรุ่นใหม่ใช้ช่วงล่างหลังแบบอิสระ สิ่งที่ตามมาคือสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม และบ่งชี้ว่าผู้ก่อตั้งสามารถปล่อยให้ผู้สานต่อร่วมกันนำพาบริษัทไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่น
Honda Civic รุ่นแรกเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 1972 และสร้างความสำเร็จอย่างถล่มถลาย พลิกโฉมแบรนด์ Honda ให้ติดปากผู้คนทั่วโลก ขณะที่ยอดขายในญี่ปุ่นแตะหลัก 80,000 คันในปี 1973
การเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาอย่างถูกเวลาท่ามกลางราคาน้ำมันที่พุ่งสูง Civic ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ CVCC รองรับเชื้อเพลิงหลากหลายรูปแบบขับเคลื่อนให้ Honda กลายเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง