อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเริ่มผลัดเปลี่ยนจากเครื่องยนต์สันดาปสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ส่งให้รถอีวี “เมดอินไชน่า” มาแรงแซงโค้งแม้แต่ในตลาดปราบเซียนอย่างในภูมิภาคยุโรป
รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่เกือบ 15% ที่จำหน่ายในยุโรปเมื่อปีที่แล้วผลิตออกจากโรงงานในประเทศจีน ถือเป็นสัดส่วนสูงสุดอันดับสองรองจากโรงงานในประเทศเยอรมนีเท่านั้น และยังนำหน้าชาติยักษ์ใหญ่อย่างฝรั่งเศส
หากดูที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 1.2 ล้านคันที่จดทะเบียนในยุโรปเมื่อปี 2021 รถ “เมดอินไชน่า” มีจำนวนอยู่ที่ 175,700 คัน ซึ่งในจำนวนนี้ไม่ใช่รถสัญชาติจีนทั้งหมด แต่ยังรวมถึงรถฝั่งตะวันตกอย่าง Tesla, Dacia, Polestar และ BMW
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
ส่วนแบ่งยอดขายรถอีวีเมดอินไชน่าเพิ่มขึ้นจาก 0.5% ไปอยู่ที่ 14.7% ภายในช่วงเวลาแค่สามปี ขณะที่ยอดขายรถที่ผลิตในเยอรมนีโตจาก 17.3% เป็น 19.7% ในช่วงเวลาเดียวกัน ใครจะรู้ได้ว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีนจะครองเจ้าตลาดได้อย่างยิ่งใหญ่แค่ไหน
ยกระดับคุณภาพต่อเนื่อง
เหตุผลหลักที่ทำให้อัตราส่วนรถยนต์ที่ผลิตจากจีนถูกส่งออกสู่ภูมิภาคยุโรปมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาจากหลายปัจจัย ทั้งศักยภาพการผลิตที่อยู่ในระดับ “มหาศาล” และการยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ช่องว่างระหว่างเมดอินไชน่าและเมดอินยุโรปลดลงต่อเนื่อง
ด้วยกระบวนการผลิตที่มีมาตรฐานทัดเทียมกัน กล่าวกันว่าหากไม่บอกที่มาที่ไปก็แทบจะแยกไม่ออกว่ารถยนต์ที่กำลังขับอยู่นั้นผลิตจากประเทศใด
การดำเนินธุรกิจที่เน้นขอบเขตระดับโกลเบิล ทำให้บริษัทรถยนต์ต้องสร้างกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐานเดียวกัน อาทิ Polestar ที่มีโรงงานอยู่ในมณฑลเจ้อเจียงจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพเท่ากับโรงงานในเบลเยี่ยมหรือสวีเดนเพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าทุกมุมโลก
ถึงแม้ว่าสายการผลิตรถยนต์ในจีนส่วนใหญ่จะตอบสนองต่อตลาดในประเทศเป็นหลัก แต่ด้วยกำลังการผลิตที่สูงมากจนทำให้พวกเขาสามารถแบ่งมาส่งออกได้ ตัวอย่างสำคัญคือ Tesla ที่มีโรงงานกิกะแฟคตอรี่ตั้งอยู่ชานนครเซี่ยงไฮ้ ผลิตรถยนต์เพื่อขายในจีน และส่งออกมายังยุโรปได้ด้วย
การเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ทำให้จีนซึ่งยืนอยู่แถวหน้าในแง่ของการผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือกมีความได้เปรียบมากกว่าชาติตะวันตก พวกเขาเริ่มต้นก่อนใครเพื่อน แถมยังมีกำลังการผลิตเหนือกว่าและยังได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากรัฐบาล
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จีนเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังจะเป็นผู้ส่งออกรถอีวีรายใหญ่ที่สุดเช่นกัน
หากตะวันตกไม่ปรับตัวรับคลื่นตรามังกรที่กำลังถาโถมเข้าใส่ลูกแล้วลูกเล่า นั่นหมายถึงโรงงานผลิตและแรงงานในยุโรปจะได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวงแน่นอน
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });