Mercedes-Benz 300 SLR (เมอร์เซเดส เบนซ์ 300 เอสแอลอาร์) ถือได้ว่าเป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนสุดหายากจากช่วงปี 1950s ที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยว และได้โลดแล่นในรายการแข่งขันมากมาย
แต่รถคันค่อนข้างจะพิเศษมากกว่านั้น เพราะมันคือ Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut Coupe ที่มีเพียง 2 คันบนโลกเท่านั้น
และมันได้ทำลายสถิติรถยนต์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลกที่ประมูลไปในราคา 143 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ ๆ 5,000 ล้านบาท
อภิมหาความแรร์
แต่เดิมนั้น 1956 Mercedes-Benz 300 SLR รหัส W196 เป็นรถที่มีความพิเศษระดับตำนาน โดย SLR หมายถึง Sport Light-Racing เป็นรถแข่งน้ำหนักเบาแบบ 2 ที่นั่ง ที่ Stirling Moss ใช้คว้าแชมป์ 1955 Mille Miglia และแชมป์ Grand Prix racing จนได้ฉายาว่า “Silver Arrow” ที่มีการประเมินมูลค่าไว้ว่าไม่ต่ำกว่า $100 ล้านดอลลาร์
ขณะนั้นวิศวกร Rudolf Uhlenhaut ได้นำเอา 300 SLR W196 จำนวน 2 คันมาดัดแปลงใหม่ โดยเอาตัวถังจาก SL มาปรับแต่งบน chassis ของ SLR ที่แต่เดิมเป็นรถเปิดประทุน มาดัดแปลงใหม่ด้วยการติดตั้งหลังคา Hardtop และประตูข้างแบบปีกนก (Gull-wing) สำหรับการแข่งขัน Endurance Racing หรือการแข่งขันระยะไกล (เช่น 24 Hours of Le Mans)
อ่านเพิ่มเติม Mercedes-AMG SL-Class การเกิดใหม่ของไอคอนแบบ 2+2 ที่นั่ง
Rudolf Uhlenhaut
แต่ก็ถูกยกเลิกไปเนื่องจากอุบัติเหตุรุนแรงในรายการ Le Mans เมื่อ Pierre Levegh นักขับ Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส เบนซ์) เสียการควบคุม พุ่งเข้าชนกลุ่มคนดูจำนวนมาก
ทำให้ Mercedes ยุติการแข่งขันทุกรายการเป็นเวลากว่า 34 ปี ก่อนจะกลับลงสนามอีกครั้งในปี 1989 ทำให้รถรุ่นนี้ไม่เคยเข้าร่วมการแข่งขันใด ๆ เลย
ช่วงนั้น Uhlenhaut ได้นำรถ 1 ใน 2 คันไปใช้เป็นรถยนต์ส่วนตัว ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงในปี 1989 ทาง Mercedes-Benz จึงได้นำ Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut มาไว้ในครอบครอง โดยมีชื่อเล่นว่า Red และ Blue ตามสีภายใน
สุดในรุ่น
ขุมพลังของรถคันนี้เป็นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 8 สูบเรียง ให้กำลังสูงสุด 302 แรงม้า แรงบิต 317 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง
ด้วยน้ำหนักตัวเพียง 1,117 กิโลกรัม สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรได้ภายใน 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 290 กม./ชม. ถือได้ว่าเป็นรถยนต์ที่สามารถขับขี่บนท้องถนนได้ที่เร็วที่สุดในสมัยนั้น
ว่ากันว่า Rudolf Uhlenhaut เคยรีบเพราะไปประชุมสาย จึงซึ่งจาก Stuttgart ไป Munich บน autobahn ที่มีระยะทาง 200 กม.ได้ภายใน 1 ชั่วโมง
ราคาตามความแรร์
สำหรับในงานประมูลนั้น จะทำการเชิญเฉพาะแขกระดับ VVIP ที่ส่วนมากเป็นนักสะสมรถกระเป๋าหนักมาร่วมงาน ณ Mercedes-Benz Museum ที่รถถูกเก็บไว้เป็นเวลากว่า 67 ปี
ตัวรถที่ถูกนำมาประมูลในครั้งนี้คือ Red หรือคันที่ภายในสีแดง การประมูลนั้นเริ่มต้นที่ราคา 50 ล้านยูโร ซึ่งถือว่ามากกว่าราคาปิดของ 1962 Ferrari 250 GTO เสียอีก
สุดท้ายราคาจบไปที่ 135 ล้านยูโร หรือประมาณ 4,900 ล้านบาท กลายเป็นรถยนต์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลกในปัจจุบัน รวมถึงเป็นของที่แพงที่สุดที่เคยมีการประมูลมา
Simon Kidston เป็นผู้ชนะในการประมูลครั้งนี้ ในฐานะตัวแทนของมหาเศรษฐีรายหนึ่ง ที่พยายามขอให้ทางเมอร์เซเดส เบนซ์ขายรถคันนี้มากว่า 18 เดือน เพราะเขาบอกว่าคันนี้เป็นรถที่เขาชอบที่สุด
อ่านเพิ่มเติม ทะเบียนรถ AA8 กลายเป็นหนึ่งในทะเบียนแพงสุดในโลก
โดยทาง Mercedes-Benz ระบุว่าเงินที่ได้จากการประมูลในครั้งนี้ จะนำไปใช้ในการกุศล รวมถึงยังเป็นทุนสนับสนุนการศึกษาให้กับเด็ก เป็นทุนสนับสนุนงานวิจัยเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
และยังมีเงื่อนไขอีกมากมาย เช่น ห้ามนำออกมาขายภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้แน่ใจว่าสมบัติชิ้นนี้จะอยู่ในมือนักสะสมที่เห็นคุณค่าของมันอย่างแท้จริง