สำหรับในตลาดโลกนั้น Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) นั้นเพิ่งเริ่มที่จะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง EQE ตัวถังซีดานออกมาและถูกกล่าวว่ามีอัตรากำไรที่พอ ๆ กับ E-Class รุ่นปัจจุบัน 

ซึ่งเป็นการประกาศโดย CFO ของบริษัท Harald Wilhelm ซึ่งยังตั้งข้อสังเกตว่าสิ่งนี้ยังไม่มีในรุ่นที่ใหญ่กว่าอย่าง EQS หากเทียบกับ S-Class

• อัตรากำไร EQE เท่ากันกับ E-Class
• เป็นเรื่องยากที่อีวีจะทำกำไรได้มากกว่ารถน้ำมัน
• หากเป็นตัวถัง SUV จะทำกำไรได้มากขึ้น
• คนยังนิยมรถน้ำมันด้วยเหตุผลนี้

อัตรากำไร EQE เท่ากันกับ E-Class

ในระหว่างการประชุมด้านรายได้ประจำปีของ Mercedes Harald Wilhelm ได้กล่าวว่า “เป็นไตรมาสแรกที่ยอดขายของ EQE ซึ่งไม่มากก็น้อยที่อัตรากำไรของ EQE นั้นอยู่ในจุดเดียวกันกับ E-Class”

สำหรับ EQS นั้น เขาได้เสริมว่า “เราได้เห็นว่า อัตรากำไรของ EQS นั้นเริ่มจะดีขึ้น บางทีอาจจะไม่เทียบเท่า S-Class แต่ก็อยู่ไม่ไกลนัก”

อ่านเพิ่มเติม : พาชม 2022 Mercedes-Benz EQE ซีดานไฟฟ้าขายไทยแน่นอน

เป็นเรื่องยากที่อีวีจะทำกำไรได้มากกว่ารถน้ำมันในตอนนี้

ทาง Mercedes มีความต้องการที่จะพูดถึงความสามารถในการทำกำไรของ EQE เป็นอย่างมาก เพียงเพราะว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ผู้ผลิตรถยนต์จะทำกำไรมหาศาลจากการขายรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อเทียบกับรถเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป เพราะที่จริงแล้ว ผู้ผลิตรถยนต์บางรายกำลังขายรถยนต์ไฟฟ้าโดยขาดทุนหรืออยู่ในจุดที่จะไม่สามารถคุ้มทุนได้

หากเป็นตัวถัง SUV จะทำกำไรได้มากขึ้นอีก

และตั้งแต่ที่ SUV ได้ให้ผลกำไรที่ดีกว่าซีดาน เราจึงสามารถคาดหวังคำพูดที่คล้ายกันได้จากผู้ผลิตรถยนต์เมื่อพวกเขาเปิดตัวเวอร์ชั่นยกสูงของทั้ง EQE และ EQS เข้ามา สำหรับ EQS SUV นั้นจะมีเวอร์ชั่นพิเศษของ Maybach ที่เคยมีการพรีวิวเป็นรถต้นแบบไปเมื่อปีที่แล้ว

อ่านเพิ่มเติม : เปิดตัว 2023 Mercedes EQS SUV คาดถูกกว่า Tesla Model X

แต่คนยังนิยมรถน้ำมันเพราะถูกกว่า

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ Harald Wilhelm ไม่ได้กล่าวถึงในเรื่องระหว่าง EQE และ E-Class คือ ขณะที่ทั้งสองรุ่นนั้นมีชื่อและขนาดที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารถเครื่องยนต์สันดาปยังมีความนิยมมากกว่าอีวี 

เพราะในวันนี้เราสามารถซื้อ E-Class ในเยอรมนีได้ในราคาที่ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาท ขณะที่ EQE นั้นเริ่มต้นที่ 2.57 ล้านบาทในรุ่น EQE 350+ เท่านั้น ส่วนรุ่นสมรรถนะสูงอย่าง EQE 43 AMG สามารถมีราคาสูงถึง 3.6 ล้านบาท (100,000 ยูโร) เลยทีเดียว

ในช่วงฤดูร้อนที่แล้ว Mercedes-Benz ได้ประกาศการลงทุนกว่า 47 ล้านเหรียญภายในสิ้นทศวรรษนี้สำหรับการพัฒนาไลน์อัพรถยนต์ไฟฟ้า บริษัทคาดว่ารถยนต์ไฟฟ้าบางประเภทจะมียอดขายประมาณครึ่งหนึ่งภายในปี 2025 ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก

การสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่เองเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญสำหรับ Mercedes-Benz เพื่อให้แน่ใจว่าจะยังคงอยู่ในยุคของไฟฟ้า โดยวางแผนที่จะมีโรงงานสี่แห่งในยุโรป และหนึ่งแห่งในสหรัฐฯ

อ่านเพิ่มเติม : ลองขับ The EQS 450+ ยังไม่ใช่เวอร์ชั่นขายไทย หลายจุดน่าสนใจ หลายจุดลุ้นวันประกาศราคา