- รถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะกับการเริ่มต้นใช้งาน
- ออพชั่นไม่มาก แต่เพียงพอต่อการขับขี่
- วิ่ง 124 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็พอละล่ะ
Hozon Neta V (ฮอซอน เนต้า วี) คือรถยนต์รุ่นแรกของแบรนด์รถยนต์สตาร์ทอัพจากประเทศจีนอย่าง Hozon (ฮอซอน) ที่ติดโรคเลื่อนทำให้การเปิดตัวพร้อมการประกาศราคาจำหน่ายชะลอลงมาข้ามเดือน ท่ามกลางกระแสข่าวว่ายอดจองของพวกเขานั้นทะลุครึ่งทางของโควต้าที่มีจำหน่ายในประเทศไทยในปี 2565 ไปเป็นที่เรียบร้อย
AutoFun Thailand ได้มีโอกาสอยู่หลังพวงมาลัยรถทดสอบซึ่งเป็นเวอร์ชั่นจำหน่ายจริง ซึ่งได้รับการปรับปรุงอุปกรณ์และออพชั่นให้เหมาะสมกับตลาดประเทศไทย โดยจะเป็นรุ่นย่อยเดียวที่จำหน่ายในปีนี้ ซึ่งขอบอกว่า แม้ออพชั่นจะไม่มากมายเหมือนใคร แต่หากแลกกับราคาจำหน่ายที่คาดว่าจะเปิดที่ 5.69 แสนบาทก็ถือว่าไม่เลว
ตัวเครื่องยนต์นั้นไม่มีปัญหาอะไรทั้งความแรงและการส่งกำลัง ช่วงล่างเซตออกมาได้เหมาะสมกับการใช้งานในเมือง และออพชั่นที่ไม่มากจนล้นคัน ก็อาจจะทำให้คนใช้งานสบายใจว่าไม่ต้องเผื่อการซ่อมบำรุงอะไรมากมายกับรถ แต่ก็แน่นอนว่าอาจจะโดนเปรียบเทียบกับคู่แข่งรถไฟฟ้าที่ทำตลาดอยู่ก่อนหน้านี้ว่าคุ้มค่าหรือไม่
ในความคิดเห็นของเรา หากจะลองใช้งานรถไฟฟ้าคันแรกของคุณ คันนี้ล่ะ ใช่เลย...
การออกแบบที่เน้นความเพรียวลม แต่เอนกประสงค์แบบ 5 ประตู
แม้จะไม่ได้ชื่อรุ่นปลาโลมา แต่การออกแบบรถคันนี้ก็นำแนวคิดของปลาโลมามาออกแบบ เพื่อให้ได้ตัวถังที่เพรียวลมมากเป็นพิเศษ เส้นสายรอบคันแบบกลมมน พร้อมบอดี้แบบ 5 ประตูเพิ่มความเอนกประสงค์ในการใช้งาน มาพร้อมขนาดตัวถังที่ใหญ่กว่ารถยนต์บี-เซกเมนต์เล็กน้อย มาพร้อมอุปกรณ์ที่เพียงพอสำหรับรถยุคใหม่ ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ยังเป็นหลอดฮาโลเจน แต่ไฟเดย์ไทม์ ไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่ 3 เป็นแอลอีดีแล้ว ล้อไซส์น่ารักนั้นคือขนาด 16 นิ้วนั่นเอง
ภายในล้ำยุค จอใหญ่ ใช้งานลื่นปรู๊ดปร๊าดกว่าใคร
การออกแบบภายในเหมือนล้ำไปจากภายนอกอยู่หนึ่งสเต็ป ด้วยชุดเบาะหนังที่รองรับกับสรีระของร่างกาย ตรงกลางนั้นโดดเด่นด้วยหน้าจอแบบแนวตั้ง 14.6 นิ้ว ที่เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว รองรับการเชื่อมต่อทุกระบบผ่านแอพพลิเคชั่น ที่สามารถควบคุมได้ผ่านหน้าจอนี้ ดูวีดีโอเลยก็ยังได้ ส่วนหน้าจอแสดงผลเป็นดิจิตอลขนาด 12 นิ้วแบบผืนผ้า ทุกอย่างจะต้องคุมผ่านหน้าจอกลาง รวมถึงระบบปรับอากาศที่กรองอากาศถึง N95 เบาะหลังพับได้แบบไม่มีที่เท้าแขน ทำให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุด 552 ลิตร
สมรรถนะไม่ธรรมดา 124 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพอใช้ในเมือง
เดินหมุนกุญแจอัจริยะในมือไปที่รถ เปิดประตูขึ้นไปไม่ต้องกดปุ่มสตาร์ทเครื่อง แค่โยกคันเกียร์ด้านขวาของพวงมาลัยมาที่ D รถก็พร้อมเดินทางทันที ด้วยอัตราเร่ง 0-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.9 วินาที พร้อมไหลลื่นอย่างต่อเนื่อง ทำความเร็วสูงสุดที่ 124 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 38.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ไกลสุด 384 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รองรับการชาร์จไวมากและยังปล่อยไฟ 3,300 วัตต์ให้อุปกรณ์ได้อีกด้วย
ช่วงล่างเซตมานุ่ม ถ้าอยากนุ่มกว่านี้ เปลี่ยนยางสิครับ
ทีมงานของฮอซอนระบุตั้งแต่ก่อนการทดสอบว่าการออกแบบช่วงล่างของรถคันนี้ เน้นไปที่การใช้งานในเมืองเป็นหลัก อาจจะไม่เหมาะกับการเดินทางไกลมากนัก เราก็เลยใช้งานในเมืองเกือบตลอดเวลา พบว่าช่วงล่างเซตออกมาแนวนุ่ม ออกจะยุบตัวง่ายและไวไปเล็กน้อยด้วยซ้ำ ยางดูมีอาการแข็ง ๆ บางที แต่โดยรวมแล้ว หากใช้งานในเมืองที่พื้นผิวถนนต้องทำใจเวลาขับผ่านแล้ว ก็ถือว่าเป็นช่วงล่างของรถไฟฟ้าที่เอาใจการใช้งานแบบเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ อยู่ อยากให้ดีกว่านี้ เปลี่ยนยางดีดีจบแน่นอน
ออพชั่นไม่เยอะมาก แต่ถ้าไม่อยากเรื่องมากก็พอแล้ว
หลาย ๆ คนอาจจะชินกับการที่รถยนต์ไฟฟ้าจะต้องมาพร้อมออพชั่นมากมายล้นคัน แต่ฮอซอนบอกว่าพวกเขาอยากเป็นทางเลือกเริ่มต้นสำหรับลูกค้าที่อยากใช้รถยนต์ไฟฟ้า ออพชั่นที่ให้มาจึงเหมาะสมกับราคาจำหน่าย แต่ก็คำนึงถึงความปลอดภัยด้วยดิสก์เบรกหน้า-หลัง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ กล้องมองหลังพร้อมเซนเซอร์ เบรกมือไฟฟ้าพร้อมออโต้โฮลด์ ระบบเช็คลมยาง พร้อมระบบพื้นฐานพวก ABS, EBD, HSA และ HDC ก็มาให้ครบ
เหมือนซื้ออีโคคาร์แต่ได้รถไฟฟ้ามาขับในเมือง
ด้วยราคาจำหน่ายที่วางเอาไว้ที่ระดับต่ำกว่า 6 แสนบาท เอาจริง ๆ ก็ไม่แฟร์หากจะนำไปเทียบกับรถไฟฟ้าที่ออพชั่นมากกว่าแต่ก็ต้องจ่ายแพงกว่า มองซ้ายมองขวาก็เอาไปหากลุ่มราคาใกล้เคียงอย่างอีโคคาร์นี่ล่ะ จะเห็นว่าหากไม่นับพวกอีโคคาร์ใหม่ ๆ ที่อัดออพชั่นกันเต็มที่ ระบบพื้นฐานที่ให้มานี้ก็ถือว่าไม่ได้แตกต่างอะไรจากกลุ่มอีโคคาร์นัก
สิ่งที่ได้มาก็คือ การได้ระบบรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% ที่เอาจริง ๆ ก็คือ เขาเซตอัพรถมาสำหรับการใช้งานในเมือง เอาไปขี่ออกต่างจังหวัดก็พอได้ แต่ระบบกับช่วงล่างอาจจะเหนื่อย ๆ หน่อย ถ้าเป็นกลุ่มที่อยากลองรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่แพงมาก แบบยังไม่แน่ใจว่าไลฟ์สไตล์ใช่รถยนต์ไฟฟ้าหรือเปล่า หรือจะกลับไปอีโคคาร์ดีกว่า อันนี้อยากให้มาลอง
ส่วนเรื่องของราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะประกาศอีกทีวันพุธ พร้อมด้วยรายละเอียดของธุรกิจที่น่าจะเพิ่มมากขึ้น เพราะมีเวลาเตรียมข้อมูลเพิ่มขึ้นอีกเดือน เอาเป็นว่าใครสนใจรถรุ่นนี้อยู่ แต่ยังลังเลหรือมีคำถามอะไรในใจ ก็ทิ้งคำถามกันเอาไว้ เดี๋ยวเราจะไปหาคำตอบจากงานแถลงมาให้ แต่ที่แน่ ๆ ตัวรถเองเหมาะกับคนที่อยากลองรถไฟฟ้าเป็นครั้งแรก
ถ้าลองแล้วไม่ชอบก็ไม่เจ็บมาก แต่ถ้าลองแล้วชอบ ก็รอขยับไปรุ่นใหญ่ออพชั่นแน่นกันอีกทีได้เลย!!!