- เช่าซื้อแบตเตอรี่
- แนวคิดนี้อาจไม่เหมาะกับอีวีทุกแบบ
ดูเหมือนว่า Wuling (หวู่หลิง) จะเป็นค่ายรถค่ายเดียวที่ไม่มีปัญหาในการจำหน่าย Mini EV (มินิ อีวี) รถยนต์ไฟฟ้าขนาดจิ๋วที่มีค่าตัวเพียง 32,800 หยวน (ราว 1.6 แสนบาท) เท่านั้น
จนถึงเดือนมกราคมที่ผ่านมา Mini EV ได้ครองตำแหน่งอันดับที่ 3 สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า BEV ที่มียอดขายถึง 1 ล้านคัน ตามหลังเพียง Tesla Model 3 และ Model Y เท่านั้น สำหรับรถรุ่นนี้ถือว่าทำตลาดมานานหลายปี Wuling จึงมีแนวคิดที่จะยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้นานยิ่งขึ้น
เช่าซื้อแบตเตอรี่
สิ่งที่ Wuling ตัดสินใจที่จะทำคือการแยกราคาของรถกับแบตเตอรี่ออกจากกัน ทำให้ราคาของ Mini EV ลดลงจาก 32,800 หยวนเหลือเพียง 19,800 หยวน (9.7 หมื่นบาท) เท่านั้น ซึ่งบ่งบอกว่าชิ้นส่วนแบตเตอรี่นั้นมีมูลค่า 13,000 หยวนหรือ 6.3 หมื่นบาทเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ต้องอาศัยแบตเตอรี่ แต่ก็ไม่ได้สามารถถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนนี้ได้ง่ายดายนัก Wuling จึงเสนอที่จะเก็บค่าธรรมเนียมแบตเตอรี่แทน ในจำนวน 558 หยวนหรือราว 2,700 บาทต่อเดือน
แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ Renault ZOE รวมถึง VinFast ก็มาพร้อมโมเดลการเช่าซื้อแบตเตอรี่สำหรับรถอีวีของตน อย่างไรก็ตาม CarNewsChina ระบุว่าข้อเสนอของ Wuling นั้นไม่ใช่การเช่า แต่คือการให้กู้ยืมดอกเบี้ยศูนย์เปอร์เซ็นต์จำนวน 60 เดือน แต่ตัวเลขนี้ไม่น่าจะเป็นตัวเลขที่เกิดขึ้นจริง
เนื่องจากว่า เมื่อเราจ่ายเงิน 558 หยวนเป็นเวลา 60 เดือนจะทำให้มียอดรวมเป็น 33,480 หยวน หรือราว 1.6 แสนบาทซึ่งเท่ากับค่าตัวของรถเลยทีเดียว โดยหากคิดตามราคาแบตเตอรี่ในตอนแรกที่ 13,000 หยวน หากผ่อนเป็น 0% แบบไม่มีดอกเบี้ยจะพบว่าตกเดือนละ 217 หยวนหรือ 1,075 บาทต่อเดือนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการพบว่ามีรูปแบบการจำหน่ายดังกล่าวในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Wuling แต่อย่างใด
แนวคิดน่าสนใจ
แม้ว่าในภายหลังเราอาจจะพบว่า Wuling ไม่ได้มีแนวคิดที่จะทำเช่นนี้ แต่แนวคิดนี้ดูเหมือนจะน่าสนใจไม่น้อย เพราะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์เป็นผู้แบกรับต้นทุนด้านการเงินของแบตเตอรี่แทนผู้บริโภค ซึ่งอาจเป็นวิธีที่รักษาคุณสมบัติของแบตเตอรี่ อย่างที่ Volkswagen จะทำโดยการปล่อยให้เช่ารถที่ใช้แล้ว และในรถรุ่นใหม่ ๆ ของค่ายอาจเป็นการให้เช่าแบตเตอรี่แทน
กลยุทธ์นี่อาจเป็นการส่งเสริมให้คนใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นด้วยการลดราคาจำหน่ายตัวรถให้ถุกลงและยังเป็นการทำให้เจ้าของสบายใจหากชิ้นส่วนดังกล่าวเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา
ในทางทฤษฎีแล้ว ผู้ผลิตรถยนต์อาจให้ลูกค้าผ่อนจ่ายแบตเตอรี่ได้นานสุดถึง 8 ปีแทน 5 ปีที่กล่าวในตอนแรก เพราะสามารถครอบคลุมการรับประกันแบตเตอรี่อีวีในหลายประเทศ เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้าคันใดก็ตาม ก็จะสามารถปรับเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่มีเทคโนโลยีล่าสุดได้เลย
ผู้ผลิตรถยนต์สามารถเสนอแบตเตอรี่ใหม่ภายใต้รูปแบบการซื้อเดียวกันเพื่อให้แน่ใจว่ารถอีวีเหล่านี้จะยังคงทำงานต่อไปได้ในเทคโนโลยีใหม่ การทำเช่นนี้อาจช่วยให้รถที่ไม่ปล่อยมลพิษสามารถอยู่ได้นานขึ้นเทียบเท่ารถน้ำมัน
แนวคิดนี้อาจไม่เหมาะกับอีวีทุกแบบ
แต่ปัญหาของแนวคิดนี้คือมันจะได้ผลเฉพาะรถอีวีที่มีแบตเตอรี่ขนาดเล็กและมีราคาไม่แพงหรือไม่ หากสมมติว่า Tesla นำแนวคิดนี้มาใช้เช่นกัน และคิดแบตเตอรี่ขนาด 90 kWh ที่ 20,000 ดอลล่าร์ (7 แสนบาท) ใน Tesla Model S รุ่นแรก เราจะต้องผ่อนจ่ายค่าแบตเตอรี่เป็นเงิน 333 ดอลล่าร์ (1.15 หมื่นบาท) ทั้งหมด 60 เดือน หรือ 208 ดอลล่าร์ (7,225 บาท) ต่อเดือนเป็นเวลา 8 ปีตามแนวคิดที่กล่าวไว้ข้างต้น
แต่น่าเสียดายที่ Tesla รับประกันเปลี่ยนแบตเตอรี่เพียง 4 ปี เท่านั้น ซึ่งทำให้คิดเป็น 417 ดอลล่าร์ (14,000 บาท) ต่อเดือนหากต้องผ่อนตามระยะเวลารับประกัน หากคิดตามสถานการณ์ทั้งหมดนี้ ค่าใช้จ่ายรายเดือนอาจไม่จูงใจให้หลายคนอยากใช้รถไฟฟ้าเท่าไหร่ เพราะสามารถผ่อนรถน้ำมันหลายรุ่นได้สบาย ๆ
อนาคตแบตเตอรี่ควรจะราคาย่อมเยามากขึ้น
จึงทำให้ในอนาคตควรที่จะมีแบตเตอรี่ที่มีราคาที่ย่อมเยามากขึ้นหรือใช้งานในลักษณะที่แตกต่างออกไป การลดขนาดแบตเตอรี่จะลดระยะทางที่วิ่งได้ไปด้วย แต่การเพิ่มการใช้สารเคมีที่มีราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่าอย่าง LFP จะส่งผลเสียต่ออีวีมากกว่าเพราะจะเพิ่มน้ำหนักให้รถซึ่งส่งผลให้วิ่งได้สั้นลงด้วย ซึ่งไม่น่าจะเป็นอะไรที่เจ้าของรถต้องการมากนัก
ส่วนวิธีการสลับแบตเตอรี่อาจเป็นวิธีที่ให้ผลคล้ายกับวิธีของ Wuling หรือการใช้รถปลั๊กอินไฮบริดมากขึ้นอาจทำให้ความต้องการแบตเตอรี่น้อยลงเพื่อให้เพียงพอสำหรับการใช้งานในเมืองเท่านั้น แต่ในความจริงพบว่าการเดินทางด้วยรถส่วนตัวที่เป็นกลางทางคาร์บอน (รถปลั๊กอินไฮบริด) เช่นนี้อาจไม่ได้ช่วยโลกได้ขนาดนั้น
เมื่อตอนที่ Tesla Roadster และ Nissan Leaf ได้ถือกำเนิดขึ้นนั้น ไม่มีใครเชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้า BEV จะอยู่รอด เพราะหลังจากที่ GM EV1 กำเนิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นไม่มีใครสนใจ ต่อมาก็มี Tesla Model S พร้อมกับการสร้างโครงข่าย Supercharger ขึ้นมา ซึ่งเทสล่าสัญญาว่าแบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานยาวนานเทียบเท่ากับตัวรถ แต่จากข่าวที่ผ่านมาก็พบว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ด้วยสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ อาจจะถึงเวลาแล้วที่ผู้ผลิตรถยนต์ควรที่จะคิดว่าแบตเตอรี่เป็นส่วนประกอบของรถที่สามารถเสื่อมสภาพได้ตั้งแต่เริ่มวางขาย และการทำให้แบตเตอรี่เหล่านี้สามารถซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้นน่าจะเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับรถไฟฟ้าที่มีในตอนนี้
อ่านเพิ่มเติม : วิศวกรญี่ปุ่นถอดรื้อ 2022 Wuling Mini EV ไขข้อข้องใจทำไมขายถูก – พร้อมเผยต้นทุน