- จำลองสถานการณ์ขับทางไกล มีเงินรางวัลให้
- ผู้ขับขี่ไม่ยอมแวะพัก
- ในสถานการณ์จริงมีแรงจูงใจให้ขับไม่ต่างจากเงินรางวัล
- เราเหนื่อยกว่าที่เราคิด
การเมาแล้วขับและการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ความปลอดภัยบนถนนน้อยลง และส่งผลให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตไปมากมาย
แต่อีกสาเหตุหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือความง่วงขณะขับรถ เพราะเวลาที่เราเหนื่อย เรามีโอกาสที่จะทำให้ตัวเราและผู้อื่นเกิดอันตรายแม้ว่าจะไม่ได้ดื่มหรือไม่ได้เล่นโทรศัพท์เลยก็ตาม และสาเหตุนี้จะทำให้เกิดอุบัติเหตุมากขึ้นเพราะผู้ขับขี่ประเมินความเหนื่อยล้าของตัวเองต่ำเกินไปเมื่ออยู่หลังพวงมาลัย
ศึกษาโดยจำลองสถานการณ์ขับทางไกล
เมื่อไม่นานมานี้ สมาคมยานยนต์แห่งอเมริกัน หรือ AAA ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับความง่วงของผู้ขับขี่หลังพวงมาลัยและพบผลลัพธ์บางอย่างที่น่าสนใจ ผู้วิจัยได้สร้างสถานการณ์การขับรถบนทางหลวงตอนกลางคืนกว่า 150 ไมล์ด้วยโปรแกรมจำลองการขับขี่ และให้ผู้เข้าร่วมงานวิจัยขับรถจนเสร็จ
มีเงื่อนไขว่า หากใครขับรถถึงได้เร็วเท่าไหร่ จะได้รางวัลเป็นเงินที่มากกว่าเท่านั้น และการจำลองนี้ยังมีจุดพักรถในทุก ๆ 20 ไมล์ซึ่งทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถพักระหว่างขับรถได้ ผู้วิจัยจะประเมินความเหนื่อยล้าของผู้เข้าร่วมจากการไถ่ถาม รวมถึงว่าพวกเขาหลับตาบ่อยแค่ไหน
ผู้ขับขี่ไม่ยอมแวะพัก
สิ่งหนึ่งที่การศึกษานี้พบคือ ผู้เข้าร่วมวิจัยจะไม่ค่อยแวะพักจนกว่าจะรู้สึกง่วงมาก ๆ และแม้พวกเขาจะบอกว่าง่วงมากแล้ว แต่พวกเขาก็ยังขับผ่านจุดแวะพักกว่า 3 ใน 4 จุดที่มีให้
และการศึกษานี้ยังพบว่า ผู้ขับขี่ประเมินความเหนื่อยของตนเองต่ำเกินไป แม้พวกเขารู้สึกว่าตนเองเหนื่อย แต่เมื่อพวกเขาบอกว่ามีความง่วงเล็กน้อย ในความจริงแล้ว 75% ของคนเหล่านั้นอยู่ในขั้น “ง่วงปานกลางจนถึงง่วงมาก”
และในบรรดาผู้ขับขี่ที่หลับตาอย่างน้อย 15 วินาทีในเวลาทั้งหมด 60 วินาที มี 25% ที่ยังคิดว่าพวกเขาไม่ได้ง่วงมาก
ในสถานการณ์จริงมีแรงจูงใจให้ขับไม่ต่างจากเงินรางวัล
นอกจากที่ผู้เข้าร่วมศึกษาจะยังฝืนขับต่อไปขณะที่ยังง่วงอยู่แล้ว พวกเขายังประเมินความง่วงของพวกเขาได้ไม่ดีพอ
แม้การศึกษาครั้งนี้จะมีเงินรางวัลเข้ามาจูงใจ และไม่ใช่การทดสอบขับขี่บนทางหลวงจริงจัง แต่ในโลกความเป็นจริงก็จะมีแรงจูงใจในลักษณะที่คล้ายกันที่ทำให้ผู้ขับขี่ยังขับต่อไปโดยไม่หยุดพัก และส่งผลต่อตัวเลขผู้เสียชีวิตที่มากขึ้น
มูลนิธิเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนของ AAA คาดการณ์ว่า อุบัติเหตุที่ถึงแก่ชีวิตกว่า 16 - 21% นั้นเกิดจากผู้ขับขี่ที่เหนื่อยล้า
Dr. David Yang ประธานและผู้อำนวยการบริหารมูลนิธิ กล่าวว่า “ความง่วงระหว่างขับรถเป็นความบกพร่องหนึ่งที่อันตราย และไม่สามารถแก้ไขหรือปรับปรุงได้หากขับรถต่อไป”
“เป้าหมายของเราคือการช่วยให้ผู้ขับขี่เรียนรู้ที่จะสังเกตสัญญาณล่วงหน้าของอาการง่วงนอน ทำให้พวกเขาสามารถหยุดพัก และเดินทางต่อไปอย่างปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
เราเหนื่อยกว่าที่เราคิด
มูลนิธิแนะนำไว้ว่า หากเราเริ่มรู้สึกเหนื่อยเมื่ออยู่หลังพวงมาลัย ในความจริงแล้วเราเหนื่อยกว่าที่เราคิด และแม้คุณเคยผ่านเหตุการณ์นี้มาก่อนแล้วไม่เกิดอะไรร้ายแรงขึ้น แต่ไม่มีอะไรที่รับรองว่าครั้งต่อไปจะไม่เกิดอันตรายขึ้น
เราควรแวะพักให้บ่อยขึ้นให้เพียงพอต่อความต้องการ และไม่ต้องกลัวที่จะแวะดื่มกาแฟหรืองีบหลับสักเล็กน้อย เพราะถึงแม้จะทำให้การเดินทางช้าลง แต่อย่างน้อยก็ไปถึงจุดหมายอย่างสวัสดิภาพ โดยยังมีร่างกายที่สมบูรณ์และยังมีชีวิตอยู่
อ่านเพิ่มเติม : สาเหตุสำคัญของความง่วงระหว่างขับรถคืออะไรบ้าง ? แล้วจะแก้ง่วงได้อย่างไร ?