นิสสันนับว่าเป็นผู้นำในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเพราะมีการพัฒนามาอย่างยาวนาน จนคลอด Nissan Leaf Gen 1 (นิสสัน ลีฟ) ออกมาจำหน่ายทั่วโลก และได้ผลตอบรับที่ดีเยี่ยม และนิสสันก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมาสู่ Nissan Leaf เจนเนอร์เรชั่นที่ 2 รถยนต์ไฟฟ้า100% ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ซึ่งในปัจจุบัน Nissan Leaf Gen 2 ได้เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย เรามาดูกันว่า Nissan Leaf เจนเนอร์เรชั่นที่ 2 น่าใช้น่าควักเงินซื้อขนาดไหน
แถมในขณะนี้ นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ประกาศอัดแคมเปญ ลดราคา “Nissan Leaf” 500,000 บาท ทำให้ Nissan Leaf รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่เดิมจำหน่ายในราคา 1,990,000 บาท เมื่อตอนแนะนำตัว คงเหลือราคาขายปัจจุบันที่ 1,490,000 บาท พร้อมรับประกันรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รับประกันระบบไฟฟ้ารถยนต์เป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และรับประกันการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่เป็นเวลา 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร น่าสนใจไม่น้อยเลยใช่มั้ยละครับ
Nissan Leaf เจนเนอร์เรชั่นที่ 2 คันนี้รูปลักษณ์ภายนอกโฉบเฉี่ยว ล้ำสมัยดูอนาคตดีครับ กระจังด้านหน้ายังคงมาในสไตล์ V-Shape เพราะมันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์นิสสันรุ่นใหม่ๆในปัจจุบันดูล้ำสมัยดี ชุดโคมไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์คู่ พร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์รูปทรง L นอน มาด้านล่างจะพบชุดไฟตัดหมอกซึ่งเป็นไฟตัดหมอกแบบ LED แสงสีขาวเรียบร้อย บริเวณ เสาA เสาB และเสาC จะถูกตกแต่งด้วยสีดำเงาสีเดียวกันกับหลังคาซึ่งทำให้ตัวรถดูมีมิติ และมีความแปลกใหม่มากยิ่งขึ้น ด้านล้อจะมาพร้อมล้ออลูมิเนียมลายใหม่สีทูโทน เส้นสายด้านข้างตัวรถชัดเจน ในส่วนด้านท้ายโดดเด่นด้วยไฟท้ายรูปทรงบูมเมอแรง พร้อมฝาท้ายสีดำลากยาวมาตั้งแต่หลังคา ทำให้ด้านหลังมีมิติ ด้านล่างจะพบชุดดิฟฟิวเซอร์พร้อมตกแต่งด้วยคิ้วสีฟ้า บ่งบอกความเป็นรถไฟฟ้า
มิติภายนอก Nissan Leaf
ยาว x กว้าง x สูง (มม.) 4,480 x 1,790 x 1,540 ฐานล้อ (มม.) 2,700 น้ำหนักสุทธิของรถ 1,523 กิโลกรัม
เข้ามาด้านใน Nissan Leaf มองดูรอบๆ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ใน Nissan Leaf บอกได้เลยว่าไม่ได้หรูหรามากมาย คุณภาพของวัสดุอย่าง คอนโซลกลาง แผงข้างประตู ก็เหมือนๆกับนิสสัน โน้ต ไม่ได้ใช้วัสดุอะไรที่หรูหรามากนัก พวงมาลัยมัลติ ฟังก์ชั่น มาตรวัดด้านหลังพวงมาลัย เป็นการผสมกันระหว่างมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อก กับหน้าจอแสดงผลแบบ multi-information ด้านซ้าย
หน้าจอสีแบบ Thin-film Transistor (TFT) ขนาด 7 นิ้ว บอกปริมาณกำลังไฟฟ้าที่มีอยู่ โดยคนขับสามารถเลือกแสดงข้อมูลตามที่ต้องการได้อีกด้วยชุดจออินโฟรเทนเมนท์แบบ Flush-surface สามารถควบคุมระบบเอนเตอร์เทรนเมนต์ต่างๆ และใช้งานระบบนำทาง ถัดลงมาจะพบแผงควบคุมระบบปรับอากาศต่างๆ ที่มาพร้อมระบบแอร์ออโต้ ถัดลงมาด้านล่างจะพบ ปุ่มสตารท์เครื่องยนต์ พร้อมช่องเสียบ USB ช่องเสียงไฟ 12V และปุ่มควบคุมระบบเป่าลมเบาะนั่ง ด้านจอมาตรวัดมาพร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่บริเวณฝั่งซ้าย พร้อมมาตรวัดรอบเครื่องยนต์และบบการส่งกำลังรูปแบบวงกลมในฝั่งขวา พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสามก้านทรงสปอร์ต ท้ายตัดออกแบบมาได้ค่อนข้างสวยงามตามแบบสมัยนิยมของรถยนต์ในรุ่นใหม่ๆ
Nissan Leaf มีการดีไซน์ภายในเรียบง่ายไม่ได้หวือหวาเท่าไรนักจะมีดูเท่ห์และแปลกใหม่ก็ตรงปุ่ม e-Pedal และชุดเกียร์ทรงกลมเล็กๆ กระทัดรัด พร้อมตกแต่งด้วยสีฟ้าให้ความรู้สึกล้ำอนาคต ไม่ต้องกลัวว่าจะงงใช้งานยาก การใช้งานไม่ได้ยากอย่างที่เห็นเพราะมันมีแผ่นป้ายบอกตำแหน่งเกียร์ให้ เบาะนั่ง ทั้งตอนหน้า และตอนท้ายกว้างขวาง โปร่งโล่ง นั่งสบายมากครับผมชอบมาก
Nissan Leaf คือ นวัตกรรมที่สมบูรณ์แบบ และยังเป็นการนำเสนอความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Intelligent Power) เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving) และเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Intelligent Integration) โดยให้ระยะการขับขี่ 400 กิโลเมตร ตามมาตรฐานการวัดค่าไอเสียและอัตราสิ้นเปลืองในการขับขี่ของยุโรป NEDC และเพิ่มประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นก่อนถึง 60 เปอร์เซ็นต์ต่อการชาร์จ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเพลิดเพลินกับการเดินทางที่ปลอดภัยและสะดวกสบายมากขึ้น
Nissan Leaf มีระบบขับเคลื่อนเป็นแบบมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้า (e-powertrain) ใหม่ของ Nissan Leaf ให้อัตราเร่งที่ดีขึ้น ด้วยกำลังเครื่องยนต์สูงสุด 110 กิโลวัตต์ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,283-9,795 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 0-3,283 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม.ต่อ ชม. ทำได้ภายใน 7.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 155 กม./ชม. แบตเตอรี่แบบลิเธียม อิออน โคบอลต์ ความจุ 40 กิโลวัตต์ ตามสเปกโรงงานระบุสามารถวิ่งได้สูงสุด 400 กม. ขณะที่การทดสอบจริงตามมาตรฐาน NEDC หรือมาตรฐานการทดสอบความประหยัดน้ำมันและมลพิษของยุโรประบุตัวเลข 378 กม. ส่วนการทดสอบตามมาตรฐาน WLTP เคลมระยะทางไว้ที่ 415 กม. ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง แต่ตัวเลขการขับแบบเฉลี่ยทั้งในและนอกเมืองระบุระยะทาง 270 กม. โดยการทดสอบดังกล่าวสะท้อนสถานการณ์ใช้งานจริงได้อย่างถูกต้องแม่นยำกว่าแบบอื่น
Nissan Leaf ยังมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะที่โดดเด่นของ Nissan Leaf คือ e-Pedal ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่เริ่มขับขี่ เร่งความเร็ว ลดความเร็ว และหยุดรถด้วยการใช้คันเร่งเพียงอย่างเดียว โดยการเหยียบหรือผ่อนคันเร่ง เมื่อปล่อยคันเร่งทั้งหมดรถจะชะลอและหยุดโดยอัตโนมัติ นำรถไปสู่การหยุดอย่างสมบูรณ์ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีผู้ขับขี่ได้ตลอดไป ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของการขับขี่โดยใช้เพียงคันเร่งเดียวเท่านั้น
นอกจากนี้ Nissan Leaf มาพร้อมเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่น่าสนใจที่พบได้ใน Nissan Leaf คือ นิสสัน เซฟตี้ ชิลด์ (Nissan Safety Shield) ซึ่งประกอบด้วยชุดเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูง ได้แก่ เทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ด้านหน้าขณะขับขี่ (Forward Collision Warning) เทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Forward Emergency Braking) เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor) พร้อมด้วยเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection) และเทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Alert Assist)