Honda (ฮอนด้า) เปิดเผยทิศทางการพัฒนาระบบความปลอดภัยเจนเนอเรชั่นต่อไป สร้างขึ้นเพื่อลดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตบนท้องถนน
การพัฒนาระบบความปลอดภัยของ Honda จะมุ่งเน้นที่การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่สามารถประมวลผลสภาพถนนและผู้ขับขี่ไปพร้อมกันได้เพื่อทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุและหาหนทางป้องกัน
เทคโนโลยี AI ดังกล่าวถูกใช้ควบคู่กับเทคโนโลยี fMRI เพื่อศึกษาสมองของมนุษย์ และวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงอุบัติเหตุ
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
นำมาซึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่
Honda ใช้ชื่อเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ล่าสุดว่า Intelligent Driver-Assistive Technology ใช้เซ็นเซอร์และกล้องในการตรวจจับสภาพถนนและผู้ขับขี่ สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ได้แบบเรียลไทม์และสั่งการระบบต่าง ๆ ภายในตัวรถเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นยังวางแผนพัฒนาเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS เจนเนอเรชั่นต่อไปที่ช่วยรักษาสมาธิของผู้ขับขี่และป้องกันการตอบสนองที่ล่าช้า โดยคาดการณ์ว่าอาจใช้การรัดของเข็มขัดนิรภัย การสั่นสะเทือนที่เบาะนั่ง และเสียงแจ้งเตือนเพื่อสื่อสารความเสี่ยงถึงผู้ขับขี่หรือเมื่อผู้ขับขี่รู้สึกเหนื่อยล้า
Honda ระบุว่าจะทดลองใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ภายในปี 2025 ก่อนที่หลังจากนั้นจะเริ่มติดตั้งใช้งานในรถยนต์โปรดักชั่นด้วยความหวังว่าจะช่วยลด “ความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์” ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญถึง 90% ที่ทำให้เกิดอุบ้ติเหตุบนท้องถนน
นอกจากนี้ Honda ยังจะลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี V2X หรือการสื่อสารระหว่างรถยนต์ด้วยกันผ่านเครือข่ายการสื่อสาร ข้อมูลที่ได้จากกล้องภายในตัวรถและบนถนนจะถูกประมวลผลเพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยง อาทิ มีคนเดินถนนคับคั่งหรือโรงเรียนอยู่ข้างหน้า ตัวรถก็จะสื่อสารถึงกันเพื่อยกระดับความระมัดระมัง
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีดังกล่าวจะต้องใช้เวลาพัฒนาต่อไปและ Honda ประเมินว่าจะสามารถใช้งานได้จริงหลังปี 2030
จับมือกับ Softbank
ไม่เพียงเท่านั้น Honda ยังผนึกกำลังกับ Softbak บริษัทยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมของญี่ปุ่นในการพัฒนาระบบที่จะแจ้งเตือนคนเดินถนนหากมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียซึ่งส่วนใหญ่มาจากการที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นคนเดินถนนได้จากการมีสิ่งกีดขวาง
นอกจากการเตือนคนเดินแล้ว ผู้ขับขี่ก็จะได้รับการแจ้งเตือนด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี้ทำงานผ่านการสื่อสารระบบคลาวด์และเทคโนโลยี 5G เครือข่ายของ Softbank
อย่างไรก็ดี ไม่มีรายละเอียดว่าการแจ้งเตือนถึงคนเดินถนนนั้นจะเป็นในรูปแบบใด อาจเป็นข้อความหรือเสียงในโทรศัพท์มือถือก็เป็นได้ เทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาและทดสอบเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นในเบื้องต้น
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });