ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่หลาย ๆ ท่าน เริ่มเห็นว่าราคาน้ำมันเบนซินในบ้านเรากำลังแพงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะลง
กลับกัน น้ำมันดีเซลได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล ทำให้ราคานั้นค่อนข้างคงที่ ทำให้หลายคนอาจเริ่มหันมาสนใจการซื้อรถกระบะที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลกันมากขึ้น
เราจะพาไปดูกันว่ากระบะที่ขายอยู่ในไทยรุ่นไหนจะประหยัดสุด อิงจาก Eco Sticker
6. MG Extender
MG Extender (เอ็มจี เอกซ์เทนเดอร์) กระบะหนึ่งเดียวจากประเทศจีน ถือเป็นรถกระบะที่มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันมากที่สุดตาม ECO Sticker แต่ก็ยังมีราคาที่ถูก ออพชั่นให้เยอะ ระหว่าง 559,000-1,039,000 บาท
เครื่องยนต์ดีเซลความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 161 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร ประกบด้วยเกียร์อัตโนมัติหรือธรรมดา 6 สปีด
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 12.7 กิโลเมตร/ลิตร
5. Nissan Navara
Nissan Navara (นิสสัน นาวาร่า) พึ่งได้รับการเพิ่มอุปกรณ์และรุ่นย่อยใหม่ Black Edition ไปหมาด ๆ หากเป็นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อจะมีอัตราประหยัดน้ำมันกว่ารุ่นขับเคลื่อนสี่ล้ออย่างเห็นได้ชัด หรือใครอยากได้ชุดแต่งด้วย จะซื้อ PRO-2X ไปเลยก็ได้
เครื่องเทอร์โบคู่พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลัง 190 แรงม้า และแรงบิด 450 นิวตันเมตร
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน รุ่นขับ 2 คือ 13.3 กิโลเมตร/ลิตร แต่หากขับ 4 จะเป็น 12.8 กิโลเมตร/ลิตร
4. Mitsubishi Triton
Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไตรตัน) อาจเป็นรุ่นเดียวในเหล่ากระบะที่ขายอยู่ในไทย ที่ไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งหน้าตาและออพชั่นมาสักพักแล้ว จะมีก็แต่เพิ่มรุ่นพิเศษอย่าง RalliArt ก็เท่านั้น มีราคาให้เลือกตั้งแต่ 539,000-1,156,000 บาท
เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 13.5 กิโลเมตร/ลิตร (รุ่น Athlete ก็เท่ากัน)
3. Ford Ranger
หลังจากที่ Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) ได้ทำการปรับโฉมไปแล้ว ได้มีคนตาดีจับภาพ Ecosticker ของรุ่นท็อป Wildtrak เอาไว้ ซึ่งตัวเครื่องได้รับการจูนระบบใหม่ เพื่อให้เกิดความไหลลื่นของการส่งกำลังเครื่องยนต์ที่ดีที่สุด ส่งผลให้มีอัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่าเดิม
ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 210 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน เดิมก่อนเปลี่ยนโฉม ทำได้ 13.3 กิโลเมตร/ลิตร แต่หลังจากปรับมาแล้ว ทำได้ 13.5 กิโลเมตร/ลิตร
2. Toyota Hilux Revo
กระบะสุดทน Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) พึ่งจะมีรุ่น GR Sport ไปได้ไม่นาน ด้วยสมรรถนะและชื่อเสียงของแบรนด์ ทำให้ Hilux ติดตลาดอยู่เรื่อยมา แต่ก็ตามมาด้วยราคาที่ค่อนข้างแพง
หากเอาเป็นตัวท็อปเครื่อง 2.8 ลิตร จะมีอัตราสิ้นเปลืองที่มากกว่า แต่ถ้าเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบเรียง ขนาด 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ก็จะประหยัดกว่ามาก
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน เครื่อง 2.4 คือ 15.2 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนเครื่อง 2.8 ทำได้ 13.5 กิโลเมตร/ลิตร
1. Isuzu D-Max
ขวัญใจชาวไทยยอดขายอันดับ 1 และยังคงเป็นกระบะที่ประหยัดที่ที่สุดในประเทศไทย Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแมกซ์) ขึ้นชื่อเรื่องราคาที่เข้าถึงได้ตั้งแต่ 852,000-1,157,000 บาท การซ่อมบำรุงง่าย ทนทาน แต่งได้เยอะ
ในเครื่อง 1.9 ลิตร DDi เทอร์โบ กำลัง 150 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร เลือกได้ระหว่างเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แต่ถ้าเอาเป็นเครื่อง 3.0 ลิตรก็ยังถือว่าประหยัดกว่าเจ้าอื่นอยู่มาก
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน เครื่อง 1.9 ลิตรทำได้ 16.1 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนเครื่อง 3.0 ลิตรทำได้ 15.6 กิโลเมตร/ลิตร ได้เป็นกระบะที่ประหยัดที่สุดไป ซึ่งเราขอรวม Mazda BT-50 (มาสด้า บีที-50) ไว้ด้วย เพราะใช้เครื่องเดียวกัน
Mazda 2 ประหยัดสุด
หรือหากคุณเป็นคนที่ไม่ชอบรถใหญ่ อยากได้ความคล่องตัว ไม่ขนของเยอะ Mazda 2 (มาสด้า 2) ดีเซลคือคำตอบที่ดี เพราะเขาก็ไม่มีคู่แข่งคนอื่นแล้ว
เครื่องดีเซลเป็น 1.5 ลิตร 105 แรงม้าและแรงบิด 250 นิวตันเมตร
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 25.6 กม./ลิตร ยกให้เป็นหนึ่งในรถที่ประหยัดที่สุดไปเลย
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}