ซื้อรถกับการขอสินเชื่อ เรื่องง่ายที่เข้าใจได้ไม่ยากเย็น
การซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยนั้น ต้องยอมรับว่าผู้ให้บริการด้านการเงินหรือไฟแนนซ์นั้นเข้ามามีส่วนร่วมเป็นอย่างมาก จากการที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะต้องทำการผ่อนชำระรถยนต์ไปตามที่มีการกำหนด ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่ได้ทำการผ่อนชำระกับผู้ผลิตรถยนต์โดยตรงอย่างแน่นอน
บริษัทผู้ให้บริการด้านการเช่าซื้อจึงเปรียบเสมือนพ่อค้าคนกลาง ที่นำเงินค่ารถไปชำระให้กับค่ายรถ ก่อนที่จะนำมาปล่อยให้เราผ่อนชำระตามเงื่อนไข พร้อมกับการตจ่ายดอกเบี้ยไปตามที่กำหนด เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ปัญหาของคนรวยที่ซื้อรถด้วยเงินสด แต่กับมนุษย์ทั่ว ๆ ไปแล้ว ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่เอาเรื่อง
การจัดไฟแนนซ์รถยนต์จึงเปรียบเสมือปัจจัยที่ 5 ของคนโดยส่วนใหญ่ที่ทำให้สามารถเป็นเจ้าของรถได้อย่างง่ายดายมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันนี้ ก็มีผู้ให้บริการด้านการจัดไฟแนนซ์รถยนต์มากมายหลายค่ายที่พร้อมจะดูแลผู้ที่อยากเป็นเจ้าของรถยนต์สักคัน ให้สามารถจับจองรถยนต์ในฝันได้ในท้ายที่สุด
การจัดไฟแนนซ์รถหมายถึงอะไร
การจัดไฟแนนซ์รถยนต์ก็เปรียบเสมือนการกู้เงินผ่านแหล่งเงินต่าง ๆ โดยที่การพิจารณาขอไฟแนนซ์จะผ่านหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขนโยบายของทางบริษัท ด้วยรูปแบบของของการเช่าซื้อ โดยตัวผู้ซื้อจะไม่ใช่เจ้าของรถ แต่จะเรียกว่า ผู้เช่า ซึ่งจำเป็นที่จะต้องจ่ายค่างวดพร้อมกับดอกเบี้ยให้ครบตามกำหนดสัญญา จึงจะได้เป็นเจ้าของรถอย่างสมบูรณ์
ในปัจจุบัน การจัดไฟแนนซ์นั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ประกอบไปด้วย หนึ่ง การจัดไฟแนนซ์รถยนต์จากบริษัทรถยนต์โดยตรง สอง การจัดไฟแนนซ์โดยผู้ให้บริการด้านการเงิน ซึ่งแต่ละผู้ให้บริการก็จะมีเงื่อนไขในการให้บริการและดูแลที่แตกต่างกันออกไป โดยผู้ซื้อสามารถเลือกใช้บริการได้
นอกจากนี้ ผู้ให้บริการหลายรายก็ให้บริการจัดไฟแนนซ์สำหรับรถมือสอง แบ่งเป็น การจัดไฟแนนซ์รถยนต์จากผู้จำหน่ายรถยนต์มือสองโดยตรง ด้วยบริการจากสถานบันการเงิน และการจัดไฟแนนซ์สำหรับรถที่ซื้อขายกันเองระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งจะต้องหาแหล่งเงินมาสนับสนุน
ขั้นตอนของการเตรียมการขอไฟแนนซ์
ในปัจจุบันนั้น ผู้ประกอบการขายรถยนต์ส่วนใหญ่ทั้งรถยนต์ป้ายแดงและรถยนต์มือสอง ต่างก็เตรียมความพร้อมในเรื่องของเอกสารต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในการขอสินเชื่อ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ สามารถเป็นเจ้าของรถได้อย่างสะดวกสบาย
โดยปกติแล้ว การเตรียมเอกสารจะเป็นเอกสารที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เช่น บัตรประชาชน หนังสือรับรองการทำงาน หรือเอกสารทางการเงินอื่น ๆ ที่จะแตกต่างกันไปตามประเภทของสินค้า เมื่อทำการยื่นเอกสารแล้ว ก็จะต้องรอให้ผู้ให้บริการทำการตรวจสอบและวิเคราะห์โดยละเอียด
ขั้นตอนหลังจากการยื่นเอกสารและรอการประเมินนั้น ปกติจะใช้เวลาไม่เกิน 7 วันทำงาน ซึ่งหากเป็นบุคคลที่ไม่มีปัญหาและมีความสามารถในการเช่าซื้อ ก็ไม่น่ามีปัญหา แต่หากมีปัญหาขึ้นจริงและไม่ได้รับการอนุมัติ สามารถนำเอกสารดังกล่าวไปทดลองขอสินเชื่อจากผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ได้อีก