วงการ EV ในสหรัฐชะงัก เพราะความต้องการรถไฟฟ้าอาจไม่มากพอที่จะทำกำไรตามเป้า

ค่ายรถลงทุนไปกับ EV ด้วยเงินหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่อัตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า แต่กลับมีความต้องการเพิ่มไม่มากอย่างที่คาดไว้ ทำให้ผู้ผลิตหลายรายจึงลดแผนลง ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่สูง

ผู้เชี่ยวชาญกังวลว่าความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าไม่สอดคล้องกับปริมาณการลงทุนที่ผู้ผลิตรถยนต์ทุ่มเทเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้น แต่เงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่ผู้ผลิตรายใหญ่แทบทุกรายทุ่มเข้ามา อาจไม่ให้ผลตอบแทนตามเป้าที่คาด

Tesla กังวลดอกเบี้ย

ทุกคนมองว่ายอดขายจะไม่ถึงเป้า เป็นเพราะอัตราดอกเบี้ยสูง ตั้งแต่นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมไปจนถึง Elon Musk ซีอีโอของ Tesla (เทสล่า) ผู้กล่าวในการรายงานผลประกอบการว่า “ฉันกังวลเกี่ยวกับสภาพสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่เราเผชิญอยู่ ผมอยากเน้นเรื่องนี้ว่าคนส่วนใหญ่ที่ซื้อรถยนต์แบบผ่อนอยู่ หากอัตราดอกเบี้ยยังสูงอยู่หรือสูงกว่านั้น คนจะซื้อรถก็จะยากขึ้นมาก”

Tesla ได้ประกาศว่ากำลังชะลอแผนการสร้างโรงงานในเม็กซิโก โดย Musk เล็งเห็นถึงบรรยากาศทางการเงินในปัจจุบันเป็นเหตุผล

ชะลอแผนผลิต

ขณะเดียวกัน Honda และ General Motors ได้ยกเลิกการพัฒนาร่วมกันมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่การสร้าง SUV ไฟฟ้าราคาไม่แพง โดยหันไปทำเงินกับ Honda Prologue เดิมได้รับการออกแบบให้เป็นหนึ่งใน EV ที่พัฒนาร่วมกันระหว่าง Honda และ General Motors

ในทำนองเดียวกัน Ford เพิ่งประกาศว่าการผลิต F-150 Lightning จะถูกชะลอลงชั่วคราว แบรนดฺวงรีสีฟ้านี้ได้วางแผนผลิตรถกระบะ EV แบบไม่มีหยุดโดยแบ่งคนงานเป็น 3 กะเวลา แต่หลังจากประกาศในเดือนกรกฎาคมว่า ฟอร์ดจะเปลี่ยนเส้นทางการลงทุนในรถยนต์เพื่อการพาณิชย์และไฮบริด ส่งผลให้ F-150 Lightning จะถูกผลิตด้วยคนงานแค่ 2 กะเท่านั้น

ราคาลิเธียมร่วง

ความต้องการที่ลดลงจากผู้ผลิตรถยนต์ ทำให้ราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต EV ลดลงอย่างรวดเร็ว ตามรายงานของ Reuters พบว่าราคาแร่ลิเธียมร่วงลง 67 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่แร่โคบอลต์ลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ในปี 2023 และลดลงครึ่งหนึ่งนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022

อ่านเพิ่มเติม : ยอดขาย EV ในอเมริกาไตรมาส 3 เพิ่มเป็น 7.9% ของรถใหม่ทุกประเภท แต่คนซื้อ Tesla ลดลง 50%

จีนก็ชะงักด้วย

ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตในสหรัฐฯ ที่ประเทศจีน CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่กล่าวว่าไตรมาสที่ 3 นั้นย่ำแย่ที่สุดของปี โดยอ้างถึงอุปสงค์ที่ลดลงและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันในยุโรป Volkswagen ปรับลดแนวโน้มอัตรากำไร นอกจากนี้ ยังกล่าวโทษการป้องกันความเสี่ยงจากวัตถุดิบ ซึ่งทำให้ราคาลดลงเช่นกัน

ยอดขาย EV ทะยอยเพิ่มขึ้น

แต่ผู้บริโภคยังคงอุ่นใจกับ EV เนื่องจากตัวเลขยอดขายค่อยๆ เพิ่มขึ้น ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 การส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ทะลุ 300,000 คันเป็นครั้งแรก ยอดขาย EV ในสหภาพยุโรปก็เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 14.3 และในจีนเพิ่มเป็นร้อยละ 22

ยังเป็นคำถามว่า การทุ่มเงินลงทุนอย่างรวดเร็วใน EV จะส่งผลในระยะยาวและยอดขายจะยั่งยืนหรือไม่ ?

อ่านเพิ่มเติม : ขาลง!? เหตุใด CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่อีวีเบอร์ 1 โลกถึงมีผลกำไรลดฮวบ