ประวัติ Subaru (ซูบารุ) ในสหรัฐอเมริกา มีที่มาน่าสนใจมาก เพราะใช้เวลา 50 กว่าปี เปลี่ยนตัวเองจากรถที่มีชื่อเสียงอันตราย ยอดขายน้อย กลายเป็นรถที่ปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับครอบครัว และขายได้แล้วกว่า 5 ล้านคัน
Subaru เข้าไปขายในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1968 ด้วยรถรุ่น 360 เป็นรถ minicars ที่สร้างขึ้นเพื่อให้ใช้ประโยชน์จากภาษีถูกลงในญี่ปุ่น ด้วยเครื่องขนาดความจุ 354 ซีซี 2 จังหวะ ทำราคาอยู่ที่ 1,290 ดอลลาร์ ซึ่งในยุคนั้นถูกกว่าโฟล์คเต่า 300 ดอลลาร์ แต่รถขายไม่ออก เพราะความที่มีขนาดเล็กและเบา มันจึงไม่จำเป็นต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัยของรัฐบาลกลาง ผลที่ตามมาก็คือ Consumer Reports ทดสอบแล้วได้ผลว่าไม่สามารถยอมรับได้ ทำให้ในปีแรกมียอดขายเพียง 332 คันเท่านั้น เป็นการเริ่มต้นที่ไม่สวยเลย
ในปี 1972 เกิดวิกฤติราคาน้ำมันพุ่งสูงไปทั่วโลก ทำให้ผู้บริโภคสนใจรถเล็กมากขึ้น นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่ซูบารุนำเข้ารถรุ่น GL ที่มีเครื่องสูบนอน ในตัวถังทั้งแบบซีดาน คูเป้ แวกอน พร้อมความปลอดภัยตามมาตรฐานแล้ว ด้วยราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นอยู่บ้าง แต่ก็ยังได้รับความนิยมแค่กลุ่มเล็ก ๆ ในพื้นที่มีหิมะ หรือที่สูง เพราะรถสามารถขึ้นไปได้ดี โดยใช้น้ำมันน้อยกว่ารถออฟโรดคันโต
Subaru เริ่มมีชื่อเสียงในอเมริกาเมื่อปี 1974 เมื่อเปิดตัวระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งต่อมาได้ถูกใช้เป็นรถให้บริการแก่ทีมแข่งสกี และยังคงให้บริการอย่างต่อเนื่อง เป็นการโฆษณาความทนทานไปในตัว ร่วมด้วยการเปิดตัวรถกระบะพื้นฐานเก๋งรุ่น BRAT ที่ขายด้วยความอเนกประสงค์ ประหยัดน้ำมัน และราคาถูก ทำให้ได้รับความนิยมพุ่งพรวดและส่งผลให้ในปี 1983 รถยนต์ดาวลูกไก่นี้ มียอดขายครบ 1 ล้านคันในสหรัฐ
ในปี 1987 รถญี่ปุ่นรายนี้ ได้เริ่มก่อตั้งโรงงานผลิตแห่งเดียวที่อยู่นอกประเทศญี่ปุ่น อยู่ในรัฐอินเดียนา สหรัฐอเมริกา แม้ว่าในขณะนั้นยังเป็นแบรนด์ที่เพิ่งเริ่มต้น ทำยอดขายยังไม่ถึงศักยภาพสูงสุดอย่างที่โตโยต้า หรือฮอนด้า ทำยอดขายแซงไปไกลมาก ซึ่งกว่าซูบารุจะเริ่มทำการประกอบรถได้ ก็ปาเข้าไปในปี 1989 ผลิตรถซีดานรุ่น Legcy ซึ่งก็มียอดขายในปีแรกน้อย
โรงงานดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างซูบารุและ Isuzu (อีซูซุ) มีการผลิตทั้งซูบารุ เลกาซี่ และรถกระบะ Isuzu Rodeo ต่างก็สร้างขึ้นที่โรงงานแห่งนี้ เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มรับงานผลิตรถยนต์ที่ไม่ใช่ซูบารุ ที่โรงงานแห่งนี้ เช่น Honda Passport และ Toyota Camry ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นในโรงงานที่เมืองลาฟาเยตต์นี้
ในปี 1997 นอกจากเป็นปีของการปรับโฉมให้กับ Legacy และ Impreza แล้ว ยังเป็นการเริ่มแคมเปญการตลาดใหม่ ที่เน้นจับกลุ่มความหลากหลายทางเพศ ซึ่งนับเป็นของใหม่ในวงการสมัยนั้น สร้างความฮือฮา และทำให้ชื่อของซูบารุ เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ทำให้คนได้รู้จักและคุ้นเคยกับเอกลักษณ์ของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อกับเสียงสูบนอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ยอมรับ LGBT ได้มากกว่าคนสมัยเก่า(ในอเมริกา)
อ่านเพิ่มเติม : เผยเรื่องราวเบื้องหลังการพัฒนา Toyota GR86 และ Subaru BRZ กว่า 10 ปี ที่มีมากกว่าที่เห็น
การก้าวกระโดดของยอดขาย เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ Isuzu ถอนการผลิตออกจากโรงงานนีในปี 2004 ทำให้เหลือสายพานการผลิตมากพอที่จะส่งมอบรถรุ่นปรับโฉมมากขึ้น พร้อมกับเปิดตัวรุ่น B9 Tribeca รถ 7 ที่นั่งรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ซูบารุเมื่อปี 2005 รวมถึงการปรับแผนการตลาด ไปลงโฆษณาให้กับกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยงมากขึ้นในปี 2006 ซึ่งก็นับเป็นจุดสนใจให้กลุ่มครอบครัวได้ดี ทั้งหมดนี้ทำให้ปีดังกล่าว ซูบารุมียอดขายในอเมริกาทะลุ 2 แสนคัน/ปีเป็นครั้งแรกของบริษัท
อ่านเพิ่มเติม : ราคา New Subaru WRX โฉมโมเดลเชนจ์ 3 รุ่นย่อย เริ่มต้น 2.959 ล้านบาท มีทั้งซีดานและแวกอน
ปัจจุบันนี้ปี 2022 โรงงานลาฟาแยตต์ของซูบารุครบรอบ 35 ปี ได้สร้างรถยนต์คันที่ 5 ล้านแล้วคือ Subaru Outback (ซูบารุ เอาท์แบ็ค) ซึ่งเป็นรุ่นขายดี นอกจากนี้ยังมีการผลิตรุ่นอื่น ๆ ในโรงงานเดียวกันทั้ง Ascent, Impreza และ Legacy และถ้าซูบารุยังรักษายอดขายในสหรัฐฯ ระดับ 6 แสนกว่าคัน/ปีได้เหมือนเดิม คาดว่าโรงงานแห่งนี้จะผลิตรถคันที่ 7 ล้านออกมาให้เห็นในเดือนธันวาคมแน่นอน นับว่าเป็นความสำเร็จมาก นับจากแบรนด์เล็ก ๆ ที่ขายได้ 300 กว่าคัน/ปี กลายเป็น 6 แสนกว่าคัน/ปีอย่างนี้
อ่านเพิ่มเติม : 2023 Subaru Outback ประกาศขึ้นราคา 2.5% เปลี่ยนแค่ 2 สิ่งสำคัญ แต่ยังไม่มีพวงมาลัยขวา
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}