Hozon (ฮอซอน) อาจจะเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าหน้าใหม่ ทั้งในตลาดแม่อย่างประเทศจีนและในประเทศไทย ที่ถือเป็นเซอร์ไพร์สในการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของรัฐบาลไทย และสินค้าตัวแรกอย่าง Neta V (เนต้า วี) ก็ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่ทำยอดขายไปได้เป็นกอบเป็นกำ กับการมีคาแรคเตอร์และตลาดที่ชัดเจนของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม การมีสินค้าเพื่อทำตลาดเพียงรุ่นเดียวอาจจะไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค พวกเขามีแผนที่จะเพิ่มรถเอนกประสงค์อย่าง Neta U Pro (เนต้า ยู โปร) เข้ามาในตลาดประเทศไทยในอนาคต ขณะเดียวกัน ในตลาดจีนนั้นก็มีการปรับไลน์สินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์สปอร์ตที่มี Neta S (เนต้า เอส) นำทีมมา และเคยมาโชว์ตัวในประเทศไทยไปแล้ว
ตัวแทนจำหน่ายบางรายของเนต้า ได้ติดต่อลูกค้าเพื่อให้เข้ามาจับจองคิวการเป็นเจ้าของ Neta S กันบ้างแล้ว โดยระบุราคาจำหน่ายเบื้องต้นเอาไว้ที่ประมาณ 2 ล้านบาท แพงกว่าในประเทศจีนที่ขายอยู่ที่ประมาณ 1.7 ล้านบาทเล็กน้อย ซึ่ง AutoFun Thailand ได้มีโอกาสสัมผัสกับสปอร์ตรุ่นท็อปตัวนี้ และขอบอกเลยว่ามีจุดที่น่าประทับใจหลายจุด หากจะตัดสินใจเข้ามาทำตลาดจริง ๆ
เหมือนฮอซอนกำลังจะประกาศให้ทุกค่ายรู้ว่า รถไฟฟ้าตัวแรงนั้น เขาทำกันแบบนี้...
ในตลาดประเทศจีนนั้น เนต้า เอส มีให้เลือกลองได้ใน 2 รุ่นย่อย โดยรุ่นที่เราลองกันจะเป็นรุ่นท็อปที่มีออพชั่นและสมรรถนะที่เหนือกว่า แต่หากต้องการจ่ายน้อยลงไปซื้อ Lidar Version ก็จะได้รถที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกัน แต่ตัดประตูคู่หน้าแบบปีกนกออก ลดสเปกลงไปเหลือมอเตอร์เดี่ยว 231 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง ที่วิ่งได้ไกลขึ้นเป็น 715 กิโลเมตรต่อการชาร์จ และได้เซนเซอร์ลิดาร์เพิ่มมาอีก 2 ตำแหน่ง ทำให้รองรับการขับขี่แบบอัตโนมัติได้ แต่ก็ใช้ในประเทศไทยไม่ได้อยู่ดีนะ
การทำรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้สมรรถนะแรงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้ง่าย แถมยังแรงระดับกดคันเร่งลึก ๆ แล้วรถออกตัวมีเสียงเอี๊ยดต่อกันสองครั้งนั้นถือว่าเป็นความประทับใจ กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ที่ให้กำลังสูงสุด 462 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุดถึง 620 นิวมันเมตร ที่พร้อมจะส่งกำลังลงสู่ล้อทั้งสี่ ทันทีที่มีการกดคันเร่งลงไป โดยเนต้าระบุว่ารถคันนี้สามารถวิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาแค่ 3.9 วินาที ติดตั้งแบตเตอรี่ 91 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้วิ่งได้ถึง 650 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง เรียกว่าไม่ธรรมดาทั้งสมรรถนะและการใช้งาน
นอกเหนือจากความเร็วและแรงจะเป็นจุดขายหลักแล้ว เนต้า เอส ยังมาพร้อมจุดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีที่ติดตั้งเข้ามาในตัวรถ แม้จะไม่ได้เป็นเวอร์ชั่นขับขี่อัตโนมัติ แต่รถคันนี้มาพร้อมกล้องและเซ็นเซอร์นรอบคันรวมกันถึง 28 ตำแหน่ง ประกอบไปด้วย กล้องรอบคัน 11 ตัว เรดาร์แบบเวฟ 5 ตัวและเรดาร์แบบอัลตราโซนิค 12 ตัว พร้อมระบบควบคุมและประมวลผลด้วยชิปเซตอัจฉริยะ ส่งผลให้การทำงานของระบบต่าง ๆ ในตัวรถ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยนั้น สอดคล้องกันอย่างลงตัว เพิ่มความสะดวกสบายและปลอดภัยในการใช้งาน
เอาจริง ๆ หลายคนอาจจะไม่เห็นด้วยกับผม แต่ผมคิดว่าล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วที่มาพร้อมยางมิชลินไพลอต สปอร์ต 4เอสนั้น ดูเล็กไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับรูปลักษณ์และขนาดของตัวรถที่ใหญ่โดอลังการ ซึ่งจริง ๆ หากใส่ล้อ 21 ก็น่าจะสวยสมส่วนกว่านี้ แต่อื่น ๆ นั้นสวยงามมาก ด้วยประตูคู่หน้าเปิดแบบปีกนก ชุดไฟทั้งคันแบบแอลอีดี การควบคุมรถทำได้ผ่านรีโมตคอนโทรลเกือบทั้งหมด แต่อาจจะมีปัญหาบ้างหากไฟเหลือน้อยหรือมีการใช้งานหนัก ๆ ต่อเนื่อง และตัวพาโนรามิก ซันรูฟที่ใหญ่ระดับ 1.9 ตารางเมตรนั้น ก็ใหญ่โตอลังการดูไม่หยอกเลยทีเดียว
เนต้า เอส มาพร้อมแนวความคิดในการออกแบบห้องโดยสารแบบรถยุคใหม่ ด้วยการติดตั้งหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาดใหญ่ 17.6 นิ้วตรงกลางคอนโซลหน้า ซึ่งใช้ในการควบคุมระบบต่าง ๆ ในรถ เช่น การเลือกโหมดการขับขี่หรือปรับการใช้งานอุปกรณ์ รวมถึงการแสดงผลของกล้องต่าง ๆ มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 13.3 นิ้ว พร้อมเฮดอัพดิสเพลย์ ติดตั้งหน้าจอแสดงผลหน้าผู้โดยสารขนาด 12.3 นิ้ว เอาไว้ดูหนังฟังเพลง ต่อไมค์ร้องคาราโอเกะได้ มาพร้อมลำโพง 21 จุด พร้อมระบบเสียงกระหึ่มรอบทิศทาง และเบาะที่นั่งที่โอบกระชับเราตลอดเวลาที่อยู่ในรถ
นอกเหนือจากการเป็นรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดันกดคันเร่งและลื่นไหลอย่างต่อเนื่องไปถึงย่านความเร็วสูงแล้วนั้น ตัวรถยังมาพร้อมการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ด้วยความเตี้ยของรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ผสานกับพวงมาลัยที่มีความคมกระชับ แต่ส่วนตัวก็รู้สึกว่าเป็นรถที่สมรรถนะนั้นเกินกว่าที่ช่วงล่างจะเอาอยู่ คือถ้าเนต้าปรับช่วงล่างให้สปอร์ตและมีความแน่นมากกว่านี้ ก็จะได้รถที่ขับขี่ได้สนุกสนานกว่าเดิมไปอีก ซึ่งก็ต้องมารอดูกันว่า หากนำเข้ามาทำตลาดจริง พวกเขาจะปรับเปลี่ยนคาแรกเตอร์ของรถให้สปอร์ตและดุดันได้มากกว่านี้หรือไม่
ที่น่าลุ้นกว่าก็คือราคาจำหน่ายนี่ล่ะ อยากรู้เลยว่าจะทำได้เร้าใจขนาดไหนกัน...
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}