2021 Suzuki GSX1300R Hayabusa เปิดตัวแล้วครั้งแรกของโลกสำหรับพญาเหยี่ยวโฉมใหม่สุดไฮเทค!

2021 Suzuki GSX1300R Hayabusa (ซูซูกิ จีเอสเอ็กซ์พันสามอาร์ ฮายาบูสะ)

2020 Suzuki GSX1300R Hayabusa คลิ๊ก

สิ้นสุดการรอคอยหลังจากที่เจ้าพญาเหยี่ยว Suzuki Hayabusa ได้มีกระแสข่าวลือมาอย่างยาวนานถึงการกลับมาของโฉมใหม่ในปี 2021 นี้ และเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาทาง Suzuki Global ก็ได้ทำการเผยโฉมเจ้า 2021 Suzuki GSX1300R Hayabusa กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีอะไรที่พัฒนา และเปลี่ยนไปจากโฉมเดิมกันบ้างเราไปชมกันเลย

รูปลักษณ์เน้นเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวแหลมคม ตามหลักอากาศพลศาสตร์

2021 Hayabusa มาพร้อมชุดแฟริ่งใหม่ยกคัน โดยเน้นไปที่เส้นสายการออกแบบที่เฉียบคมดุจพญาเหยี่ยว ซึ่งทั้งหมดถูกดีไซน์ตามหลักอากาศพลศาสตร์โดยการทดสอบด้วยอุโมงค์ลม นี่จึงเป็นเหตุผลทำให้มันเป็นรถที่สามารถแหวกอากาศได้ดี และสามารถทำความเร็วได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

ด้านหน้ามาพร้อมไฟโปรเจ็กเตอร์แบบ LED Headlight แบบวางซ้อนกันในแนวตั้ง ซึ่งมอบความสว่างที่ชัดเจนแม้ในยามค่ำคืน มาพร้อมไฟเลี้ยวด้านข้างแบบ LED Position Lights With Integrated Turn Signals ซึ่งเป็นทั้งไฟหรี่ และไฟเลี้ยวในตัวซึ่งถูกติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถมอเตอร์ไซค์ของ Suzuki พร้อมช่องดักอากาศ SRAD ขนาดใหญ่ที่ถูกวางไว้อย่างเนียนตาเลยทีเดียว

ส่วนไฟเบรกด้านหลังมาพร้อมไฟขนาดใหญ่แบบ LED Rear Combination Lights ที่มาพร้อมไฟแบบแนวนอนวางเต็มส่วนท้าย พร้อมไฟเลี้ยวในตัว ซึ่งมีความแตกต่างจากโฉมเก่าอย่างชัดเจน

หน้าจอเรือนไมล์แบบวงแหวนยังคงอยู่ แต่ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นด้วยการผสมผสานระหว่างมาตรวัดแบบเข็ม และดิจิตอลเข้าด้วยกัน โดยใช้เป็นมาตรวัดแบบเข็ม 4 วงแหวนประกอบด้วย วัดรอบเครื่องยนต์ , มาตราวัดความเร็ว , มาตรวัดปริมาณน้ำมัน และมาตรวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ ส่วนหน้าจอดดิจิตอลแบบTFT LCD ตรงกลางจะแสดงตำแหน่งของเกียร์ , โหมดการขับขี่ , ทริป , รวมไปถึงการแสดงมุมเอียงของรถได้แบบเรียลไทม์ รวมไปถึงการบอกข้อมูลอื่น ๆ ของตัวรถไว้อย่างครบครัน   

ท่อไอเสียแบบคู่ทรงโตขนาดใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์ยังคงกลับมา ซึ่งคราวนี้กลับมาพร้อมสีโครเมี่ยมอันสวยงาม แสดงให้เห็นถึงความทันสมัย พร้อมประสิทธิภาพที่รองรับมาตราฐานไอเสียระดับ Euro 5 เป็นที่เรียบร้อย

ขุมพลังเครื่องยนต์อันเป็นตำนาน

2021 Suzuki GSX1300R Hayabusa ยังคงกลับมาพร้อมเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียงอินไลน์โฟร์ DOHCขนาด 1,340 ซี.ซี. กับกระบอกสูบ x ระยะชัก ที่ 81.0 มม. x 65.0 มม. พร้อมอัตราส่วนกำลังอัด 12.5: 1 ระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ผ่านค่าไอเสียมาตราฐาน Euro 5 ซึ่งพญาเหยี่ยวคันนี้กลับมาพร้อมกับขุมพลัง 187.74 แรงม้าที่ 9,700 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 110.6 นิวตันเมตรที่ 7,000 รอบ/นาที

เทคโนโลยีพัฒนาใหม่ใส่มาแบบจัดเต็ม

Bosch IMU แบบ 6 แกน ที่ตรวจจับค่าทุกองศาการเอียงของตัวรถแบบรอบคัน เพื่อประมาลผล และส่งค่าไปยังกล่องควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ABS Cornering , Traction Control , Wheelie Control , Rear Lift Control และระบบการทำงานอื่น ๆ อีกมากมายบนตัวรถ

Anti-lift Control system ระบบป้องกันล้อหน้ายกเมื่อคุณเปิดคันเร่งอย่างหนักขณะขับขี่ โดยสามารถเลือกปรับตั้งค่าการทำงานได้ถึง 10 ระดับด้วยกัน โดยในระดับที่ 1 จะให้การควบคุมที่น้อยที่สุด ไปจนถึงระดับที่ 10 ที่ทำให้คุณแทบจะไม่สามารถยกล้อหน้าได้เลยแม้จะเปิดคันเร่งจนสุดก็ตาม

Bi-directional Quick Shift System หรือควิกชิฟเตอร์ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี นั่นก็คือระบบการช่วยเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องกำคลัตช์นั่นเอง ซึ่งจะทำให้เราสามารถต่อเกียร์ได้อย่างสมูทโดยที่รอบความเร็วไม่ตก ซึ่งสำหรับควิกชิฟเตอร์ของ Hayabusa ใหม่นี้มาพร้อมให้คุณได้เลือกปรับตั้งค่าการทำงานด้วยกันถึง 2 ระดับ

Engine Brake Control system ที่คุณสามารถเลือกตั้งค่าได้ถึง 3 โหมด รวมไปถึงจะเลือกปิดการทำงานไปเลยก็ได้ และ Motion Track Traction Control System หรือระบบป้องกันล้อหมุนฟรีนั่นเอง ซึ่งระบบนี้จะทำงานร่วมกับ IMU แบบ 6 แกนเพื่อตรวจสอบมุมเอียงของรถ และทำการควบคุมความเร็วในล้อหลังให้สัมพันธ์กับความเร็วของล้อหน้าเพื่อป้องกันการลื่นไถลนั่นเอง ซึ่งคุณสามารถเลือกปรับตั้งค่าการทำงานได้ถึง 10ระดับ รวมไปถึงจะเลือกปิดไปเลยก็ย่อมได้

Launch Control System ระบบช่วยออกตัวแบบรถแข่งที่ให้คุณเลือกปรับใช้ได้ถึง 3 โหมดด้วยกันโดยโหมด 1 จำกัด ความเร็วรอบเครื่องยนต์ไว้ที่ 4,000 รอบ/นาที , โหมด 2 ทำงานที่ 6,000 รอบ/นาที และโหมด 3 โหมดที่เร็วที่สุดทำงานที่ 8,000 รอบต่อนาที

Active Speed Limiter โหมดจำกัดความเร็วที่ช่วยล็อคความเร็วไม่ให้เกินจากที่คุณกำหนดไว้ได้ ซึ่งเหมาะกับถนนที่จำกัดความเร็วในประเทศต่าง ๆ และ Cruise Control System ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ที่คุณสามารถเลือกปรับได้อย่างง่ายดายโดยใช้สวิตช์โหมดที่แฮนด์ด้านซ้าย ซึ่งสามารถเลือกตั้งค่าได้ตั้งแต่ความเร็ว 31 กม. / ชม. ไปจนถึง 200 กม. / ชม. 

Emergency Stop Signal ไฟหยุดฉุกเฉินจะกระพริบอัตโนมัติเมื่อคุณทำการเบรกอย่างหนักด้วยความเร็วที่เกิน 55 กม./ชม. ขึ้นไป และ Motion Track Brake System จะประมวลผลผ่านองศาการเอียง IMU แบบ 6 แกน ทำให้คุณสามารถใช้เบรกขณะเข้าโค้งได้นั่นเอง

lope Dependent Control System พูดง่าย ๆ ก็คือระบบกันล้อหลังยกนั่นเอง เผื่อคุณเผลอกำเบรกหนัก ๆ ในขณะลงทางลาดชัน และ Hill Hold Control System ระบบควบคุมการขึ้นทางลาดชันโดยตัวรถจะทำการเหยียบเบรกหลังให้โดยอัติโนมัติเป็นเวลา 30 วินาที หลังจากคุณหยุดรถบนทางลาดชันแม้ว่าคุณจะปล่อยเบรกแล้วก็ตาม ซึ่งระบบนี้ช่วยในการช่วยจอดรถบนทางลาดเอียงเมื่อคุณลืมตัวได้เยอะเลยทีเดียว

ระบบเบรก และช่วงล่าง

สำหรับ 2021 Suzuki GSX1300R Hayabusa มาพร้อมชุดเบรกสมรรถนะจากสนามแข่งอย่าง Brembo Stylema® กับจานดิสก์คู่ด้านหน้าขนาด 320 มม. พร้อมคาลิปเปอร์เบรกแบบ 4 พอต ส่วนด้านหลังมาพร้อมจานดิสก์เบรกเดี่ยวกับคาลิปเปอร์เบรก Nissin แบบ 1 พอต พร้อมระบบเบรก ABS ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง

ระบบกันสะเทือนด้านหน้ามาพร้อม UpSide Down จาก KYB กับขนาดแกน 43 มม. พร้อมระยะยุบที่ 120 มม. ส่วนด้านหลังมาพร้อมโช้คอัพ KYB link-type ซึ่งทั้งด้านหน้า และด้านหลังสามารถเลือกปรับตั้งค่า รีบาร์ล และพรีโหลดได้อย่างอิสระ

2021 Suzuki GSX1300R Hayabusa วางจำหน่ายเมื่อไหร่ ?

ตอนนี้แค่รอลุ้นกันว่าประเทศไทยจะมาเมื่อไหร่ ซึ่งก็ยังไม่มีข้อมูลเปิดเผยออกมาแต่คาดว่าเร็วสุดภายในงานมอเตอร์โชว์เดือนมีนาคมที่จะถึงนี้เราอาจจะได้ยลโฉมมันตัวเป็น ๆ ก็เป็นได้ ดังนั้นตอนนี้ก็ทำได้แค่รอ และเชยชมในความสวยงามของเจ้าพญาเหยี่ยวรุ่นใหม่คันนี้ไปก่อน ส่วนหากมีรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบอย่างไรทาง AutoFun Thailand จะรีบนำข้อมูลมาอัพเดทให้ทราบในทันที

สำหรับ 2021 Suzuki GSX1300R Hayabusa มาพร้อม 3 สีใหม่ได้แก่ 

Specifications 2021 Suzuki GSX1300R Hayabusa