2022 BMW K 1600 | |
BMW K 1600 GT | 23,895 ดอลลาร์ (795,966 บาท) |
BMW K 1600 GTL | 26,895 ดอลลาร์ (895,899 บาท) |
BMW K 1600 B | 22,545 ดอลลาร์ (750,996 บาท) |
BMW K 1600 Grand America | 27,745 ดอลลาร์ (924,213บาท) |
BMW K 1600 คือรถมอเตอร์ไซค์ทัวริ่งขนาดใหญ่ที่เน้นความสะดวกสบายในการเดินทาง พร้อมสมรรถนะขุมพลังเครื่องยนต์อันทรงพลัง หลังจากที่มันได้ห่างหายไปนานกว่าปีเศษในปี 2022 ที่จะถึงนี้ K 1600 ได้กลับมาพร้อมกันทีเดียวถึง 4 รุ่นรวดกันเลย
โดย BMW K 1600 ได้ถูกเปิดตัวขึ้นครั้งแรกในปี 2010 เพื่อให้มันเป็นคู่ต่อสู้จากทางค่ายญี่ปุ่นอย่าง Honda Gold Wing ที่เน้นเป็นรถทัวริ่งท่องเที่ยวเดินทางระยะไกล ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกบนตัวรถแบบครบครัน
และมาในปี 2022 ที่จะถึงนี้ K 1600 ได้มาพร้อมกับ 4 รุ่น 4 สไตล์ให้บรรดาไบค์เกอร์สายท่องเที่ยวได้เลือกกันโดยเริ่มจากรุ่นมาตรฐานอย่าง BMW K 1600 GT ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นสปอร์ต ต่อมากับ BMW K 1600 GTL รุ่นต่อยอดจาก GT ที่เน้นความสะดวกสบายในการเดินทางที่เพิ่มเข้ามา
และต่อด้วยรุ่นลูกผสมระหว่างรถในสไตล์ Sport+Cruiser อย่าง BMW K 1600 B และแถมด้วยสุดท้ายกับรุ่นที่เน้นความสะดวกสบายถึงขีดสุดกับ BMW K 1600 Grand America
ซึ่ง BMW K 1600 ทั้ง 4 รุ่นจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ 6 สูบแถวเรียงขนาด 1,649 ซี.ซี. ซึ่งตัวรถได้มีการติดตั้งระบบช่วยเหลือพิเศษสำหรับเครื่องยนต์ในระบบ BMS-O Engine Control ที่มีการติดตั้งเซนเซอร์สองตัวในการควบคุมจังหวะในการจุดระเบิดของหัวเทียน ทำให้ได้การควบคุมปริมาณไอเสียจากการทำงานที่แม่นยำ
โดยเครื่องยนต์ลูกนี้จะมาพร้อมขุมพลังขนาด 160 แรงม้าเทียบเท่ากับรุ่นปี 2019 แต่จะมีการลดรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำลงมา 1,000 รอบ ในขณะที่แรงบิดสูงสุดถูกเพิ่มเป็น 180 นิวตันเมตรจากเดิม 175 นิวตันเมตร
และต่อมากับจุดเด่นที่ทำให้เจ้า BMW K 1600 คันนี้อยู่เหนือคู่แข่งในท้องตลาดปัจจุบันก็คือระบบช่วงล่างอัจฉริยะ ESA (Dynamic Electronic Suspension Adjustment) ที่เป็นระบบกันสะเทือนหน้าหลังแบบ Next Generation ที่สามารถปรับตั้งค่าทุกอย่างได้เองแบบอัตโนมัติ เพื่อให้เหมาะสมกับน้ำหนักบรรทุก สภาพพื้นผิวของถนน
ซึ่งระบบดังกล่าวจะทำงานควบคู่ไปกับเซนเซอร์ที่ล้อทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ที่มาพร้อมชุดกล่องควบคุม IMU แบบ 6 แกน ที่แยกส่วนในการทำงานกับระบบนี้โดยตรง อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งค่าต่าง ๆ ของโช้คอัพหน้าหลังได้อย่างอิสระผ่านส่วนควบคุมที่แฮนด์บาร์ซึ่งสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ตัวรถยังมาพร้อมโหมดการขับขี่ให้คุณสามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการถึง 4 โหมดด้วยกันคือ Road , Dynamic และ Rain และอีก 2 โหมดสำหรับ User ที่สามารถปรับตั้งค่าต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ
โดยทั้ง 4 รุ่นจะมาพร้อมกับชุดไฟ LED ด้านหน้าแบบ Adaptive Headlight ที่จะปรับองศาในการส่องไฟเองอัตโนมัติ ในการเลี้ยว หรือเข้าโค้ง อีกทั้งยังมีความสามารถในการปรับค่าความสว่างได้เองอัตโนมัติเพื่อให้ได้ความสว่างที่เหมาะสมกับการใช้งาน ทั้งในเวลากลางวัน และกลางคืน
และทั้ง 4 รุ่นจะมาพร้อมหน้าจอเรือนไมล์แบบ TFT ขนาดใหญ่ 10.25 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ที่ความสามารถในการนำทางแบบ Turn-By-Turn พร้อมทั้งทั้งการเชื่อมต่อผ่านแอป BMW Motorrad Connected และพิเศษสำหรับรุ่นอย่าง Grand America นั้นมันจะมาพร้อมกับชุดเครื่องเสียง 2.0 เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย
โดยสำหรับโซฟาวิ่งได้อย่าง BMW K 1600 ทั้ง 4 รุ่นนั้นจะพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ปีหน้า ทั้งในยุโรป และเอเชีย
ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงประเทศไทยของเราด้วย ใครที่กำลังหารถทัวริ่งคันใหม่เพื่อใช้ในการเดินทางก็ต้องอดใจรอกันอีกนิดนะครับ รับรองว่าหรูหรา ขี่สบายเหมือนเดิมอย่างแน่นอน