ราคาวางจำหน่ายในประเทศไทย | |
2022 BMW R 18 Transcontinental | 1,640,000 บาท |
2022 BMW R 18 B | 1,500,000 บาท |
สิ้นสุดการรอคอยเมื่อทาง BMW Motorrad Thailand ได้ประกาศเปิดตัว 2 คู่หูครุยเซอร์รุ่นใหญ่สุดหรูหราอย่าง BMW R 18 Transcontinental และ BMW R 18 B ในประเทศไทยแล้วเป็นที่เรียบร้อย พร้อมราคาวางจำหน่าย
มาเริ่มกันที่ 2022 BMW R 18 Transcontinental สะดุดตาด้วยชุดแฟริ่งภายนอกใหม่ทั้งหมดแบบ Batwing ที่เน้นไปที่หลักอากาศพลศาสตร์เพื่อให้มันเป็นรถในสไตล์ Tourring-Heritage หรือ American Tourring ที่มาพร้อมคุณสมบัติในการขับขี่เดินทางไกลหลายร้อยกิโลเมตรอันแสนสะดวกสบาย
2022 BMW R 18 Transcontinental มาพร้อมกล่องเก็บสัมภาระขนาดความจุ 27 ลิตร 2 ใบที่ด้านข้างตัวรถ พร้อมกล่องหลังขนาดความจุ 48 ลิตรอีกหนึ่งใบซึ่งสามารถใช้เก็บหมวกกันน็อคแบบเต็มใบได้ถึง 2 ใบเลยทีเดียว
หน้าจอเรือนไมล์ TFT ขนาดใหญ่ถึง 10.25 นิ้ว ที่มาพร้อมระบบนำทาง GPS ที่สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือได้ พร้อมทั้งมันยังมาพร้อมกับเครื่องเสียงชุดใหญ่จาก Marshall Gold Series 2 Ways ที่ถูกฝังไว้บริเวณแฟริ่งด้านหน้าทั้ง 2 ฝั่ง
และนอกจากหน้าจอสี TFT แล้ว 2022 BMW R 18 Transcontinental ยังมาพร้อมกับมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง มาตรวัดความเร็ว และวัดรอบทรงกลมคลาสสิคแบบเข็มอีกด้วย
ส่วนสำหรับเจ้า 2022 BMW R 18 B ก็ไม่มีอะไรมากเพราะมันแตกต่างจากเจ้า 2022 BMW R 18 Transcontinental ในส่วนของเบาะนั่งผู้ซ้อนนั่นเองที่จะไม่มีมาให้ รวมไปถึงกล่องเก็บสัมภาระด้านท้ายขนาด 48 ลิตรนั่งเอง
โดย BMW R 18 Transcontinental และ BMW R 18 B นั้นมาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ Boxer แบบ 2 สูบวางนอนอันโดดเด่นของทางค่ายกับขนาดเครื่องยนต์ 1,802 ซี.ซี.
ที่พร้อมส่งมอบพละกำลังสูงสุด 91 แรงม้าที่ 4,750 รอบ/นาที และส่งมอบแรงบิดมากกว่า 150 นิวตันเมตรตลอดในช่วง 2,000 ถึง 4,000 รอบ/นาที
BMW R 18 Transcontinental และ BMW R 18 B มาพร้อมช่วงล่างแบบเทเลสโคปิก และระบบสวิงอาร์มที่ติดตั้งโดยตรงบนคานรับน้ำหนักแบบยื่นที่สามารถปรับตั้งค่าความหนืด และการยุบตัวของสปริงได้ เพื่อให้ควบคุมล้อที่หล่อด้วยวัสดุอัลลอยน้ำหนักเบาชั้นเลิศได้อย่างแม่นยำ
พร้อมคานรับน้ำหนักด้านหลังที่สามารถปรับตั้งค่าความหนืดได้ และมีระบบชดเชยโหลดอัตโนมัติเพื่อตอบสนองการขับขี่ที่เหนือระดับ และเช่นเดียวกับรถรุ่นตำนานอย่างบีเอ็มดับเบิลยู R 5 แกนโช้คหน้าแบบเทเลสโคปิกของ R 18 ทั้งสองรุ่นก็มาพร้อมกับปลอกหุ้มโช้ค
ในส่วนของระบบเบรกนั้นทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับระบบดิสก์เบรกคู่ที่ล้อหน้า และดิสก์เบรกเดี่ยวที่ล้อหลัง โดยทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์เบรกแบบตายตัว 4 ลูกสูบ และระบบเบรก ABS
BMW R 18 Transcontinental และ BMW R 18 B มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น
-3 โหมดการขับขี่ให้คุณได้เลือกใช้งานกับโหมด Rain , Roll และ Rock
-ระบบ ASC ควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ
-ระบบ MSR ป้องกันการลื่นไถลของล้อหลังจากการชะลอตัวหรือลดเกียร์
-ระบบ Hill Start Control ช่วยออกตัวในทางลาดชัน
-ระบบ Keyless Ride สตาร์ทแบบไร้กุญแจ
-ระบบ Reverse Gear เกียร์ถอยหลัง
-ระบบ Anti-hopping Clutch สัญญาณกันขโมย
-ระบบ Dynamic Brake Control ป้องกันรถกระชาก
-ระบบ Electronic cruise control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติซึ่งให้มาเป็นระบบมาตรฐาน
-ระบบเบาะนั่งแบบปรับอุณหภูมิได้ทั้งผู้ขี่ และผู้โดยสาร
-ระบบคลัตซ์แบบ Anti-hopping clutch เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลขึ้น
-ระบบไฟช่วยส่องทาง Adaptive Turning Light เมื่อรถเข้าโค้งเอียงทำมุมตั้งแต่ 35 องศาขึ้นไป ไฟชุดนี้จะช่วยส่องทางในโค้งที่ไฟหน้าส่องไม่ถึง
ระบบ ACC จะช่วยให้คุณสามารถขับขี่ได้อย่างสะดวกสบายด้วยระบบควบคุมระยะห่างจากคันหน้า โดยระบบตรวจจับด้วยเรดาร์ที่ติดตั้งบนฝาครอบไฟหน้ารถ ที่จะช่วยกำหนดให้มอเตอร์ไซค์เร่งความเร็วเพื่อปรับระดับความเร็วได้โดยอัตโนมัติ หรือเปิดใช้งานระบบเบรกมาตรฐานใหม่เพื่อลดความเร็ว
นอกจากนี้ ระบบ ACC ยังช่วยเสริมความปลอดภัยในการเข้าโค้ง และในยามจำเป็น ระบบควบคุมการเข้าโค้งจะชะลอความเร็ว เพื่อให้ผู้ขับขี่ใช้ความเร็วที่เหมาะสมกับมุมเอียงของถนนเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่และเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ
BMW R 18 Transcontinental และ BMW R 18 B มาพร้อมชุดเครื่องเสียงคุณภาพ ที่พัฒนาร่วมกับผู้ผลิตเครื่องเสียงสัญชาติอังกฤษอย่าง Marshall และลำโพงแบบ Two-Way (แยกซับวูฟเฟอร์) ซึ่งถูกติดตั้งไว้บนหน้าปัดของฝาครอบไฟหน้ารถ พร้อมด้วยหน้ากากลำโพงสีดำที่แต่งด้วยตัวอักษร Marshall สีขาว
โดย BMW R 18 B มาพร้อมกับระบบเครื่องเสียง Marshall Gold Series Stage 1 ซึ่งประกอบด้วยลำโพง 2 ตัว และซับวูฟเฟอร์ 2 ตัว ในขณะที่ BMW R 18 Transcontinental ติดตั้งระบบเครื่องเสียง Marshall Gold Series Stage 2 มาพร้อมลำโพง 4 ตัว และซับวูฟเฟอร์ 2 ตัว ด้วยกำลัง 280 วัตต์
นี่คือรถครุยเซอร์ขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการเดินทางในระยะไกลหลายร้อยกิโลเมตร ซึ่งมันมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกบนตัวรถอย่างครบครัน ซึ่งจะช่วยให้คุณขับขี่เดินทางข้ามประเทศกันได้แบบสบาย ๆ เลยทีเดียว