Yamaha (ยามาฮ่า) ผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์อันดับ 2 ของประเทศไทย ห้าวจัด ลั่นเปิดตัวรถใหม่อีก 9 รุ่นในปีนี้ มีมาครบทั้งรถตลาด 4 รุ่นและบิ๊กไบค์ 5 รุ่น หวังเพิ่มแชร์เป็น 17.5% ปีนี้ ก่อนทะยานสู่ 20% ภายใน 3 ปี ตามเป้าหมายของบริษัทที่วางเอาไว้
พงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า แม้จะผ่านปัจจัยลบต่าง ๆ มากมายในปี 2564 แต่ยามาฮ่าสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีการเติบโตที่เหนือกว่าตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย
ทั้งนี้ ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยในปีที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายรวม 1.61 ล้านคัน มีอัตราการเติบโต 6% ขณะที่ยามาฮ่ามียอดจำหน่าย 2.66 แสนคัน เติบโตถึง 11% ทำให้มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 16.5% จากส่วนแบ่งตลาดที่ทำได้ 15.8% ในปีก่อนหน้า
"แม้จะประสบปัญหาเรื่องโควิด-19 การล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ตลอดทั้งปี หรือแม้แต่การขาดแคลนชิ้นส่วนเพื่อการผลิตที่ทำให้บริษัทต้องปรับแผนงานอย่างต่อเนื่อง และทำให้ตลาดรถจักรยานยนต์ไม่โตเท่าที่ควร แต่ก็เป็นปีที่ยามาฮ่าประสบความสำเร็จ"
อย่างไรก็ตาม ยามาฮ่ายังตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 คาดว่าจะมียอดจำหน่ายเพิ่มเป็น 2.87 แสนคัน เติบโต 8% และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 17.5% จากตลาดรวมที่คาดว่าจะทำได้ 1.64 ล้านคัน หรือเติบโตเพียง 2% เท่านั้นจากในปีนี้
เพื่อขยับเข้าใกล้เป้าหมาย 20% ที่วางเอาไว้อีกขั้น...
พงศธรระบุว่า แผนงานหลักของยามาฮ่าก็คือการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น โดยจะมีการเปิดตัวรถใหม่อีก 9 รุ่นในปีนี้ โดยจะเป็นรถจักยานยนต์ขนาดเล็ก 4 รุ่น ที่สามารถยืนยันได้ว่าจะมีการเปิดตัวรถออโตเมติกรุ่นใหม่อย่างแน่นอน รวมไปถึงบิ๊กไบค์รุ่นใหม่อีก 9 รุ่น โดยคาดว่ารถรุ่นแรกที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะเป็นช่วงงานมอเตอร์โชว์ปลายเดือนมีนาคมนี้
ทั้งนี้ ยามาฮ่าประกาศว่าจะต้องเดินหน้าการทำตลาดตามความต้องการของลูกค้าที่แตกต่าง เช่น การเพิ่มทางเลือกให้กับสินค้ากลุ่มออโตเมติก การเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้ากลุ่มรถจักรยานยนต์สำหรับครอบครัว ด้วยการเพิ่มการรับประกันหรือการตอกย้ำเรื่องการประหยัดน้ำมัน ขณะเดียวกันก็มองไปที่กลุ่มรายภาคที่เน้นความต้องการทางการตลาดที่แตกต่าง เพื่อให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ในปีที่ผ่านมา ยามาฮ่าได้เริ่มทดลองการปรับโฉมโชว์รูมและศูนย์บริการรูปแบบใหม่ จากที่ใช้ Yamaha Square มายาวนานถึง 17 ปี โดยได้เริ่มทำการเปลี่ยนโฉมสาขาไปแล้ว 10 แห่ง และจะทำการปรับเพิ่มอีก 60 แห่งภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งพงศธรระบุว่า โชว์รูมแบบใหม่จะเน้นไปที่ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนไป การให้บริการที่ครบวงจรมากกว่าเดิม โดยคาดว่าโชว์รูมทั่วประเทศจะปรับโฉมกันทั้งหมดภายใน 4 ปี
ในส่วนของตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่นั้น แม้ว่าในปีที่ผ่านมาตลาดรวมจะดูไม่ดีนัก เมื่อหดตัวไป 34% เหลือเพียง 1.57 หมื่นคัน โดยยามาฮ่าติดลบไป 15% เหลือเพียง 1,753 คัน แต่ก็คาดว่ายอดจำหน่ายในปีนี้จะกลับมาเล็กน้อยที่ตลาดรวม 1.6 หมื่นคันและยามาฮ่าตั้งเป้าหมายที่ 2,000 คัน โดยเชื่อว่าหากเปิดประเทศอีกครั้งและเดินทางท่องเที่ยวได้ กลุ่มลูกค้าเหล่านี้ก็จะกลับมาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างแน่นอน