เปรียบเทียบ 2021 All New Yamaha Aerox & 2020 Yamaha Aerox คลิ๊ก
หลังจากเปิดตัวกันไปเมื่อวานแบบสด ๆ ร้อน ๆ ด้วยค่าตัว 67,500 บาท สำหรับเจ้าสปอร์ตออโตเมติกสุดฮอตในตอนนี้นั่นก็คือ All New Yamaha Aerox ทาง Autofun Thailand ก็ไม่รอช้ารีบไปทำการทดสอบรีวิวแบบจัดเต็มมาให้เพื่อน ๆ ได้ทราบกันในทันที
ต้องบอกเลยว่าตอนเห็นการเปิดตัวทางออนไลน์เราคิดว่ามันไม่ได้สวยกว่าตัวเก่าเท่าไหร่ แต่ที่ไหนได้ตัวจริงของเจ้า Aerox นั้นต้องบอกเลยว่าดูดีมาก ๆ ดูสปอร์ตขึ้น มีความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น แถมชิ้นงานทุกจุดก็ยังประกอบขึ้นด้วยความประณีต
ซึ่งแค่เห็นครั้งแรกเราบอกได้เลยว่าถ้าเอาไปโมดิฟายต่อนะสวยโคตร ๆ แน่นอน ตามคำนิยามไบค์เกอร์ไทยที่ว่า “ขี่รถเดิม ๆ ยอมเดินดีกว่า” ซึ่งภายนอกนั้นจะมาพร้อมชุดแฟริ่งใหม่ทั้งหมด และแน่นอนว่าไม่สามารถเปลี่ยนใส่กับรุ่นเก่าได้เราถามมาให้แล้ว
ไฟหน้าใหม่ที่มาพร้อมกับไฟ Daytime Running Light นั้นทำให้หน้าตาของเจ้า Aerox ดูดุขึ้นมาก โดยเฉพาะในเวลากลางคืน
รวมไปจนถึงไฟท้ายที่เปลี่ยนมาใหม่ให้เล็กลงเข้ากับตัวรถเพื่อความเป็นสปอร์ตที่มากขึ้นก็ดูสวยงามสุด ๆ แถมด้านท้ายยังมีการซ่อนที่จับกันตกของผู้ซ้อนไว้ได้อย่างสวยหรู
ถ้าอ่านแค่สเปคตัวรถอาจะดูเหมือนเครื่องยนต์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่กับเครื่องยนต์บลูคอร์ขนาด 155 ซี.ซี. พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVA ระบายความร้อนด้วยน้ำ และลูกสูบแบบ Forged แต่จากการที่เราได้ลองสลับขับขี่ระหว่างรุ่นเก่า และรุ่นใหม่นั้นบอกได้เลยว่าต่าง
เพราะด้วยการปรับเปลี่ยนแรงอัดให้เป็น 11.6:1 และแรงม้าใหม่ทำให้รู้สึกว่า Aerox ใหม่สามารถควบคุม และคอนโทรลแรงบิดได้ดีกว่าเดิม ซึ่งการเปลี่ยนรอบทำให้มีระยะหน่วงที่คันเร่งช่วงออกตัวนั้นทำให้รอบเครื่องยนต์ไหลลื่นได้สมูทกว่าเดิม ซึ่งช่วยทำให้รอบกลางถึงปลายไหลเร็วขึ้น จี๊ดจ๊าดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า Top Speed ที่ทุกคนถามหาอาจจะเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเราจะเอาไปลองหวดกันด้านนอกในครั้งต่อไป
เนื่องจาก All New Yamaha Aerox ได้มีการปรับเปลี่ยนในส่วนของระยะเทรลจากเดิม 95 มม. เป็น 100 มม. ความยาวตัวรถจาก1,990 เป็น 1,980 มม. และมุมคาสเตอร์ใหม่จาก 26.5 เป็น 26.3 ซึ่งทั้งหมดนี้อาจะไม่ได้มาก หรือแทบจะไม่ต่างจากเดิมเลยโดยเฉพาะในเรื่องของท่าทางการขับขี่ แต่เชื่อไหมว่าเมื่อได้ลองสลับขี่ระหว่างรุ่นใหม่ และรุ่นเก่านั้นสามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างในทันที
ซึ่งการปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยทำให้เจ้า All New Yamaha Aerox สามารถพลิกรถเลี้ยวได้ง่ายกว่า ควบคุมคอนโทรลรถในทางโค้งได้กว่า โดยเฉพาะการทดสอบขับขี่ในด่านสลาลมที่สามารถเห็นการตอบสนองของรถได้อย่างชัดเจน ซึ่งปัญหาหน้าไว และล้อหน้าลอยขณะทำการเลี้ยวในทางลาดชันที่มีปัญหาในรถตัวเก่า ได้ถูกแก้ไขออกไปจนหมดแล้ว รวมไปถึงได้มีการขยับในส่วนของพักเท้าผู้ซ้อนให้ถอยออกไป จึงหมดปัญหาในการวางเท้าที่ชนกันแบบเมื่อก่อนอย่างแน่นอน
ในส่วนนี้เราสัมผัสได้ว่าไม่ค่อยมีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมมากนัก ซึ่งโดยรวมแล้วระบบเบรกที่ให้มาสามารถใช้งานได้ดีทั้งแบบดิสก์เบรกธรรมดา และแบบ ABS แต่แน่นอนว่าหากคุณใช้เบรกอย่างหนังรุ่นที่มี ABS เข้ามาช่วยนั้นจะทำให้ล้อหน้าไม่ล็อคขณะเบรก ซึ่งเลี่ยงอาการกำเบรกหนักแล้วหน้าพับได้ดี และแน่นอนว่าหน้าดิสก์เบรก และหลังดรัมเบรกที่ให้มานั้นเพียงพอต่อการหยุดแรงม้าทั้งหมดของตัวรถแล้ว
ในส่วนของช่วงล่างนั้นเราสังเกตได้ว่าตัวที่มีซับแทงค์ช่วยให้ความรู้สึกขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงที่นิ่งกว่า ไม่มีอาการโยนออกจากตัวรถให้เห็น ในขณะที่ตัวโช้คอัพธรรมดายังมีอาการให้เห็นอยู่บ้างในบางจังหวะแต่ก็ไม่ถึงขั้นที่น่าเป็นกังวล
สำหรับระบบเชื่อมต่อตัวรถผ่านโทรศัพท์มือถือนั้นเราต้องบอกว่าเป็นอะไรที่เจ๋งมาก ๆ และเป็นระบบที่หลายคนรอคอยกันมานานตั้งแต่ที่ตัวรถได้มีการเปิดตัวกันไปในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งระบบ Y-Connectนั้นต้องบอกก่อนเลยว่าทาง AutoFun ยังไม่ได้ทำการทดสอบระบบนี้แต่อย่างใด เพราะด้วยเวลาในการทดสอบครั้งนี้ค่อนข้างมีจำกัด และเนื่องด้วยเทคโนโลยี Y-Connect นั้นมาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย เราจึงคิดว่าควรแยกทำการทดสอบเฉพาะ Application Y-Connect ไว้โดยเฉพาะในครั้งต่อไป ซึ่งเราจะทดสอบกันให้แบบจัดเต็มอย่างแน่นอน
2021 All New Yamaha Aerox คือรถสปอร์ตออโตเมติกที่ปรับปรุงในเรื่องของการเดินทางไกลเพิ่มเข้ามา ซึ่งจากเมื่อก่อน Aerox นั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานในเมืองบนถนนทางเรียบเท่านั้น แต่เมื่อมีกลุ่มลูกค้าเริ่มใช้ Aerox ในการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น จึงเกิดปัญหาในเรื่องหน้ารถเบา ล้อไม่ติดพื้นเมื่อหักเลี้ยวในโค้งทางลาดชัน ทางยามาฮ่าจึงได้พัฒนา และปรับปรุงในส่วนนี้ เพื่อให้ Aerox เป็นรถที่ใช้เดินทางไกล หรือสำหรับสายทัวริ่งมากยิ่งขึ้น
โดยเน้นไปที่ความสมูทของรอบเครื่องยนต์ในรอบกลางถึงปลายที่ไหลลื่นขึ้น การบังคับเลี้ยวที่โอกาสหน้าพับเพราะล้อหน้าไม่ติดพื้นขณะเลี้ยวให้หายไป นี่จึงเป็นรถสปอร์ตออโตเมติกที่สามารถใช้งานได้อย่างครบครันทั้งการใช้งานภายในเมือง และเดินทางออกทริปท่องเที่ยว ซึ่งเรามองว่ามันเวิร์คเลยทีเดียว
เครื่องยนต์ | |
เครื่องยนต์ | 4 จังหวะ สูบเดี่ยว SOHC 4 วาล์ว |
ปริมาตรกระบอกสูบ | 155 ซี.ซี. |
กระบอกสูบ | ไดอะซิล |
ระบบระบายความร้อน | ระบายความร้อนด้วยน้ำ |
อัตราส่วนกำลังอัด | 11.6 : 1 |
กระบอกสูบ x ระยะชัก | 58.0 x 58.7 มม. |
ระบบจ่ายน้ำมัน | แบบหัวฉีด |
ระบบจุดระเบิด | T.C.I. |
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง | 5.5 ลิตร |
ระบบส่งกำลังขับ | แบบสายพาน(V–Belt) |
โครงรถ | |
ชนิดของเฟรม | แบคโบน |
มุมคาสเตอร์/ระยะเทล | 26.5O / 100 มม. |
กว้าง x ยาว x สูง | 700 x 1,980 x 1150 มม. |
ความสูงจากพื้นถึงเบาะ | 790 มม. |
ระยะห่างจากพื้นถึงเครื่อง | 145 มม. |
ช่วงศูนย์กลางระหว่างล้อ | 1,350 มม. |
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด | 2,000 มม. |
น้ำหนักรถรวมของเหลง | รุ่น Standard 122 กก. |
| รุ่น ABS 125 กก. |
ระบบกันสะเทือน | |
หน้า | เทเลสโคปิค |
หลัง | ยูนิตสวิง |
ระบบเบรก | |
เบรกหน้า | ดิสก์เบรกเดี่ยว+ABS (เฉพาะรุ่น ABS) |
เบรกหลัง | ดรัมเบรก |
ชุดล้อ | |
หน้า-หลัง | ล้อแม็ก |
ยางล้อหน้า | 110/80-14 M/C 53P |
ยางล้อหลัง | 140/70-14 M/C 62P |