ตลาดรถปิกอัพขนาด 1 ตัน ยังคงเป็นตลาดหลักของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ที่ตลาดรถยนต์รวมมีการหดตัวอย่างมาก ตลาดรถเชิงพาณิชย์ยังสามารถประคองตัวเอาไว้ให้หดตัวน้อยกว่าตลาดรวม และทำให้สัดส่วนการขายของรถกลุ่มนี้มีเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก
การหดตัวน้อยกว่าตลาดอาจจะไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดอะไร เพราะปกติแล้ว ตลาดรถเชิงพาณิชย์เป็นตลาดที่มีความต้องการสูงกว่า มีผลกระทบจากภาคเศรษฐกิจที่น้อยกว่า และหากมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อย ตลาดกลุ่มนี้ก็พร้อมจะขยายตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว ตามความต้องการในธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ทุกคนต่างให้ความสนใจมากกว่าก็คือยอดจำหน่ายของผู้ประกอบการแต่ละแบรนด์ โดยเฉพาะคู่กัดตลอดกาลอย่าง Isuzu (อีซูซุ) และ Toyota (โตโยต้า) ที่ถือว่ามีตัวเลขที่ห่างกันพอสมควรในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งแน่นอนว่าสงครามยังไม่จบและการแข่งขันจริง ๆ กำลังจะเริ่มขึ้นในครึ่งปีหลังนี่เอง
ยอดขายครึ่งปีแรกห่างกันประมาณ 1.8 หมื่นคัน
หากดูจากตัวเลขยอดจำหน่ายรถปิกอัพ 1 ตัน เพียงอย่างเดียว ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 จะพบว่ามียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 149,432 คัน โดยผู้นำในตลาดมาอย่างสุดโต่งคือ Isuzu D-Max ที่มียอดจำหน่าย 67,625 คัน ตามมาห่างด้วย Toyota Hilux REVO ที่มียอดจำหน่าย 49,622 คัน ถือว่าต่างกันพอสมควร
และหากลงไปดูในรายละเอียดเพิ่มเติม จะเห็นว่ายอดจำหน่ายของโตโยต้านั้น แพ้อีซูซุมาเกือบทุกเดือน จะชนะไปก็เพียงในเดือนเมษายนเท่านั้น และเมื่อสถานการณ์ยอดจำหน่ายรถปิกอัพเริ่มกลับมาในเดือนมิถุนายน ยอดขายของอีซูซุก็กลับมาโตพรวดอีกครั้ง ขณะที่โตโยต้านั้นมียอดขายที่แย่ลงไปอีก
ถามว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพร์สไหมก็ใช่ เพราะแต่ไหนแต่ไหนมาสองค่ายนี้ไม่เคยยอมกันขนาดปล่อยให้ใครมีส่วนแบ่งตลาดนำกันเป็น 10% มาก่อน ขณะเดียวกัน หากมองไปอีกมุมหนึ่งก็เป็นสถานการณ์ที่สามารถอธิบายได้ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของช่วงเวลาในการเปิดตัวสินค้าใหม่แบบล้วน ๆ
ดีแมคซ์ได้เปรียบไฮลักซ์ด้านเวลาเปิดตัว
การเปิดตัว 2019 All-New Isuzu D-Max เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้อีซูซุมีช่วงเวลาที่ดีในการโปรโมตสินค้าของพวกเขาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับการเป็นสินค้าใหม่หมดจดที่เปิดตัวมาด้วยนวัตกรรมใหม่ ทำให้มีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ อีซูซูเองเพิ่งจะเริ่มมาเปิดตัวรถปิกอัพรุ่นสำหรับการพาณิชย์ อย่างกลุ่มหัวเดียวและรุ่นธรรมดากันในช่วงต้นปีที่ผ่านมาแถว ๆ ไตรมาสแรก ทำให้ยังมีความต้องการจากกลุ่มผู้บริโภคที่ยังรอคอยรถคันนี้มาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และเป็นเหตุให้ตัวเลขของอีซูซุนั้นตกไม่มาก และรีบาวด์กลับมาได้อย่างรวดเร็ว
มองกลับไปที่ฟากโตโยต้ากันบ้าง แม้ 2020 New Toyota Hilux REVO จะเปิดตัวมาอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยการเปลี่ยนแปลงที่ดูดีขึ้นมาก แต่กำหนดการเปิดตัวของพวกเขานั้นก็คือในช่วงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ทำให้พวกเขาไม่สามารถขยับอะไรได้สะดวกนักในช่วงที่ผ่านมา
ประกอบกับการที่พวกเขาต้องค่อย ๆ ลดบทบาทของรถรุ่นเดิมลงในช่วงก่อนหน้านี้ เพื่อเตรียมพร้อมกับการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ ยิ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายของรถปิกอัพของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้น หากมองในมุมนี้ การที่พวกเขามียอดจำหน่ายและส่วนแบ่งตลาดที่หดตัวลงก็เป็นเรื่องที่อธิบายได้
อย่างไรก็ตาม โตโยต้านั้นปูพรมเปิดตัวสินค้าใหม่ของเขาในทุกเซกเมนต์แบบไม่รีรออะไรทั้งสิ้น ทำให้พวกเขามีความพร้อมที่จะเดินหน้าตลาดแข่งกับอีซูซุได้อย่างเต็มรูปแบบ และแน่นอนว่าจะทำให้ตลาดปิกอัพในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีความดุเดือดขึ้นมามากที่สุดอีกปีหนึ่งอย่างค่อนข้างจะแน่นอน
โตโยต้าวางเป้าหมายครึ่งปีหลัง 7 หมื่นคัน
หากใครคิดว่าโตโยต้าจะยอดถอดใจให้กับยอดจำหน่ายรถปิกอัพที่หดตัวลงในช่วงครึ่งแรกของปี ก็คงต้องขอให้กลับไปดูที่เป้าหมายการจำหน่ายรถปิกอัพที่โตโยต้าได้แถลงเอาไว้ในงานแถลงนโยบายกลางปี ว่าพวกเขานั้นวางแผนที่จะจำหน่ายรถปิกอัพในปีนี้ทั้งหมดที่ 1.21 แสนคัน หรือหดตัวเพียง 26.9%
เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปีที่มีจำนวน 49,622 คัน หรือหดตัวลงไปกว่า 41.5% อาจจะมีคำถามในใจว่าโตโยต้าไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน จากการที่จะตั้งเป้าหมายการขายในช่วงครึ่งปีหลังมากกว่า 7 หมื่นคัน เพื่อให้พวกเขาสามารถไปได้ถึงเป้าหมายส่วนแบ่งตลาดรวม 33.3% ที่ตั้งเอาไว้
แน่นอนว่าสิ่งที่จะเป็นอาวุธหลักในการทำยอดขายก็คือตัวรถรุ่นใหม่ของพวกเขาที่เตรียมพร้อมจะส่งมอบกันอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งหลังของปี และเมื่อสถานการณ์ผ่อนคลายลง โตโยต้าเองก็น่าจะเตรียมจัดกิจกรรม รวมถึงแคมเปญการตลาดอย่างต่อเนื่องไปตลอดทั้งปีนี้ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตัวเองวางเอาไว้
อีซูซุรับยากรักษาแชร์ แต่ปรับตัวรับมือ
ฟากผู้นำตลาดครึ่งปีแรกของอีซูซุนั้น ประกาศว่ายอดจำหน่ายรถปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่ ในช่วงครึ่งปีแรกมีจำนวนทั้งสิ้น 67,625 คัน หดตัวประมาณ 12% ทำให้ส่วนแบ่งตลาดรถปิกอัพเราเติบโตเป็น 42.5% เป็นผลจากเปิดตัวดีแมคซ์ใหม่ช่วงปลายปี และการเปิดตัวรุ่นธรรมดาที่ใช้งานในเชิงพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมา
ผู้บริหารของอีซูซุประเมินว่า บริษัทคงไม่สามารถรักษาระดับการเติบโตและส่วนแบ่งตลาดเอาไว้ได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากการแข่งขันที่น่าจะสูงขึ้น ความร้อนแรงของดีแมคซ์ที่น่าจะชะลอตัวลง ทำให้ประเมินว่าน่าจะมียอดที่ลดลงเช่นกัน และแน่นอนว่าจะต้องมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับการแข่งขันในปีนี้
อีซูซุประกาศว่าจะไม่มีการตั้งเป้าหมายให้กับตัวแทนจำหน่ายในปีนี้ เป็นผลมาจากความยากในการประเมินและคาดการณ์สถานการณ์ในช่วงที่เหลือของปี แต่จะเน้นไปที่การสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการกลับมาใช้บริการหรือซื้อรถใหม่ในช่วงที่เหลือของปี เพื่อรักษายอดจำหน่ายตลอดทั้งปีให้ดีที่สุด
แนวโน้มแข่งขันรุนแรง เน้นสินค้าใหม่-อัดแคมเปญ
แม้จะมีการยืนยันจากผู้บริหารของทุกค่ายว่าท่ามกลางสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงเพิ่มขึ้น จากความผิดปกติของตลาดรวม พวกเขาอาจจะไม่เน้นการทำแคมเปญทางการเงินมากนัก เนื่องจากมีความกังวลในเรื่องของการอนุมัติของผู้ประกอบการไฟแนนซ์ หรือปัญหาหนี้เสียที่จะตามมาในอนาคตก็ตาม
แต่จากการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา ก็ยังพบว่าค่ายรถทั้งหลายโดยเฉพาะผู้ประกอบการปิกอัพนั้น มีการใส่แคมเปญด้านการเงินเข้ามาอย่างรุนแรง โดยมาในรูปแบบของการขยายการรับประกัน หรือการให้เงินดาวน์และดอกเบี้ยต่ำ ก็มีมาให้เห็นกันอย่างคึกคักเกือบจะทุกค่าย
หากมองที่เรื่องของตัวสินค้าใหม่ในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะไม่มีอะไรน่าสนใจมากนักสำหรับตลาดปิกอัพ เพราะแม้แต่ 2020 All-New Mazda BT-50 ก็ยังมีข่าวว่าอาจจะเลื่อนเปิดตัว ส่วนรุ่นอื่น ๆ นั้นก็น่าจะกัดฟันทำตลาดรถรุ่นที่มีอยู่กันไปก่อนเกือบทั้งหมด รวมถึงการไล่เคลียร์สต็อกของ Chevrolet Colorado
ถ้ามองที่การแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหญ่ 2 ราย หากโตโยต้าต้องการขายในช่วงครึ่งปีหลังอีก 7 หมื่นคัน อีซูซุก็ต้องตั้งหน้าตั้งตารักษายอดขายเอาไว้ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 5.5 หมื่นคัน หากหวังจะรักษาการเป็นผู้นำในตลาดปิกอัพได้ ซึ่งหากเป็นสถานการณ์ปกติ ไม่มีโควิดมาเกี่ยวข้อง งานแค่นี้ถือว่าสบายมือมากมาก
แต่การต่อสู้ท่ามกลางที่มีคู่แข่งที่มีสินค้าใหม่กว่า แถมยังรายล้อมไปด้วยผู้เล่นที่พร้อมอัดแคมเปญด้านการเงินมาต่อสู้ ไหนจะยังอยู่ท่ามกลางสถานการณ์กำลังซื้อผู้บริโภคหดหาย บอกเลยว่าตลาดครึ่งปีหลังจะเป็นตลาดที่มีความเข้มข้น แข่งขันกันอย่างรุนแรงและสนุกสนานที่สุดครั้งหนึ่งสำหรับตลาดปิกอัพในประเทศไทยเลยทีเดียว