window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_motor_article_breadcrumb_above_pc', [ 728, 90 ], 'div-gpt-ad-1685705363990-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685705363990-0'); });

รถแข่ง MotoGP กับระบบเบรคที่ต้องควบคุมความเร็วที่มากกว่า 321 กม./ชม. ได้อย่างอยู่หมัด!

Archa · Aug 24, 2022 04:15 PM

รถแข่ง MotoGP กับระบบเบรคที่ต้องควบคุมความเร็วที่มากกว่า 321 กม./ชม. ได้อย่างอยู่หมัด! 01

รถแข่ง MotoGP กับระบบเบรคที่ต้องควบคุมความเร็วที่มากกว่า 321 กม./ชม. ได้อย่างอยู่หมัด!

สำหรับโลกแห่งความเร็วอย่าง MotoGP นั้นแน่นอนว่าความเร็วเป็นสิ่งสำคัญ แต่หากความเร็วเหล่านั้นควบคุมไม่ได้มันก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้บรรดารถแข่งเหล่านี้เคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วด้วยทิศทางที่ถูกต้องนั้นพวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาระบบเบรคประสิทธิภาพสูง ที่ให้แรงเบรคอันทรงพลังไม่แพ้ความเร็วนั่นเอง

  • จะหยุดมอเตอร์ไซค์ MotoGP ที่วิ่งด้วยความเร็วเกิน 321 กม./ชม. ได้อย่างไร ?
  • ระบบเบรคที่ต้องพัฒนาทุกปี
  • เบรก Brembo ในรถแข่ง MotoGP

รถแข่ง MotoGP กับระบบเบรคที่ต้องควบคุมความเร็วที่มากกว่า 321 กม./ชม. ได้อย่างอยู่หมัด! 02

ระบบเบรคที่ต้องพัฒนาทุกปี

จะหยุดมอเตอร์ไซค์ MotoGP ที่วิ่งด้วยความเร็วเกิน 321 กม./ชม. ได้อย่างไร ?

ในการแข่งขัน MotoGP ปัจจุบัน 2022 พันธมิตรของรายการที่รับหน้าที่ดูแลระบบเบรคในรถแข่งก็คือแบรนด์ระดับโลกอย่าง Brembo ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งหากเราได้ดูวีดีโอด้านล่างนี้เราจะได้รับความกระจ่างเล็กน้อยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มารวมกัน เพื่อที่จะหยุดรถมอเตอร์ไซค์ที่เร็วที่สุดในโลกเหล่านี้ให้ได้

รถแข่ง MotoGP กับระบบเบรคที่ต้องควบคุมความเร็วที่มากกว่า 321 กม./ชม. ได้อย่างอยู่หมัด! 03

ความเร็วในรถแข่งที่บางครั้งอาจมากกว่า 321 กม./ชม.

ระบบเบรคที่ต้องพัฒนาทุกปี

นอกจากตัวนักแข่ง ตัวรถที่ต้องพัฒนากันอยู่ตลอดเวลาแล้ว ในส่วนของระบบเบรคเองก็ต้องพัฒนาขึ้นทุกปี เพราะในแต่ละปีนั้นเรียกได้ว่าสมรรถนะของตัวรถนั้นมีความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกปี ดังนั้นเมื่อรถมีความเร็วที่สูงขึ้นก็จะทำให้ระบบเบรคที่มีอยู่เดิมไม่เพียงพอนั่นเอง เพราะเหตุนี้ทาง Brembo จึงได้พัฒนาระบบเบรครุ่นใหม่ของพวกเขาออกมาในทุก ๆ ปีด้วยเช่นเดียวกัน เพราะการหยุดรถที่ขับขี่มาด้วยความเร็วกว่า 321 กม./ชม. ให้ลงมาเหลือต่ำกว่า 60 กม./ชม. ภายในเสี้ยววินาทีได้หนึ่งครั้งถือเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก เพราะระบบเบรคของ Brembo เหล่านี้ต้องทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดการแข่งขัน MotoGP ที่เดิมพันสูงดังนั้นวัสดุที่ถูกนำมาใช้จึงต้องมีค่าสูงเช่นกันอย่างเช่นเทคโนโลยีทางอวกาศนั่นเอง

window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_motor_article_fourthp_under_pc', [ 728, 90 ], 'div-gpt-ad-1685705349363-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685705349363-0'); });

รถแข่ง MotoGP กับระบบเบรคที่ต้องควบคุมความเร็วที่มากกว่า 321 กม./ชม. ได้อย่างอยู่หมัด! 01

วัสดุที่ดีที่สุดในโลกถูกนำมาใช้

เบรก Brembo ในรถแข่ง MotoGP

สำหรับจานดิสก์เบรคจาก Brembo ในการแข่งขัน MotoGP นั้นถูกสร้างด้วยวัสดุผสมจากคาร์บอนเซรามิก นอกจากนี้มันยังมาพร้อมกับขนาดที่แตกต่างกัน โดยเส้นผ่านศูนย์กลางเหล่านี้คือตัวแปรสำคัญในการกระจายความร้อน มากกว่า เนื่องจากมีวัสดุเซรามิกคาร์บอนที่มากกว่านั่นเอง โดยขนาดของจานดิสก์นั้นในปัจจุบันจะมีอยู่ 3 ขนาดหลัก ๆ ที่ทีมแข่งเลือกใช้ก็คือขนาด 320 มม. , 340 มม. และขนาด 355 มม. 

รถแข่ง MotoGP กับระบบเบรคที่ต้องควบคุมความเร็วที่มากกว่า 321 กม./ชม. ได้อย่างอยู่หมัด! 02

ขนาดจานดิสก์ที่เลือกใช้มีความสำคัญต่อการเบรค

ซึ่งปัจจุบันจานดิสก์ขนาด 320 มม. นั้นกำลังค่อยหายไปเรื่อย ๆ เนื่องจากไม่เป็นที่นิยมของทีมแข่ง ซึ่งปัจจุบันทีมแข่งใน MotoGP ส่วนใหญ่จะเลือกใช้จานดิสก์เส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 340 ถึง 355 มม. เนื่องจากความเร็วของรถแข่งในปัจจุบันนั้นเพิ่มสูงขึ้นมาก ดิสก์เบรคที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ขึ้นจึงสามารถรองรับความร้อนได้มากกว่าเมื่อเทียบกับจานดิสก์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่า บวกกับขนาดที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้คาลิปเปอร์เบรคมีแรงบีบจับที่เยอะกว่าอีกด้วย

รถแข่ง MotoGP กับระบบเบรคที่ต้องควบคุมความเร็วที่มากกว่า 321 กม./ชม. ได้อย่างอยู่หมัด! 03

ชุดเบรคหลังที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน

และนอกจากจานดิสก์แล้วทั้งตัวผ้าเบรค และคาลิปเปอร์เองก็มีความสำคัญไม่แพ้กันโดยทาง Brembo ได้พัฒนาคาลิปเปอร์เบรคที่มาพร้อมกับตัวครีบระบายความร้อนเพื่อช่วยให้น้ำมันเบรคไม่ไปถึงจุดเดือด และยังคงทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในส่วนของระบบเบรคด้านหลังเองทาง Brembo ได้บอกว่ามันมีความสำคัญไม่แพ้กันเพราะนักแข่งใช้เบรคเหล่านี้เพื่อสร้างเสถียรภาพในการเข้าโค้ง และแม้แต่จานเบรกหลังก็มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมไปถึงทาง Brembo เองยังให้อิสระกับตัวนักแข่งได้เลือกใช้ไม่ว่าจะเป็นการเหยียบแป้นเบรกแบบธรรมดา หรือจะเป็นการควบคุมเบรคหลังด้วยนิ้วมือก็สามารถทำได้ขึ้นอยู่กับตัวนักแข่งเองได้เลย

อ่านเพิ่มเติม : MotoGP คอนเฟิร์มแล้วตุลาคมนี้จัดแข่งในไทย

อ่านเพิ่มเติม : Suzuki ประกาศถอนตัวออกจาก MotoGP

อ่านเพิ่มเติม : 24 ขุนพลยอดนักบิด MotoGP 2022 

 

 

 

Archa

นักเขียนอาวุโส

นักเขียน/นักทดสอบรถจักรยานยนต์ประสบการณ์กว่า 7 ปีในแวดวง 2 ล้อ ใช้รถมอเตอร์ไซค์เดินทางไปไหนมาไหนตั้งแต่อายุ 10 ปี ได้เรียนรู้รูปแบบการขับขี่กับสถาบันต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Honda , Yamaha , Kawasaki , BMW Motorrad , Ducati และ Aprilia ตั้งแต่หลักสูตรขั้นพื้นฐาน จนไปถึงระดับเรสซิ่ง โเชื่อว่าทุกคนสามารถขี่รถมอเตอร์ไซค์ได้ แต่ขี่ได้กับขี่เป็นนั้นมันแตกต่างกัน แวะเข้ามาพูดคุยกันได้ทางหน้า Facebook : Pongnara Archarit หรือทาง Instagram : Pongnara Archarit

window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_motor_article_relatedmodel_above_pc', [ 728, 90 ], 'div-gpt-ad-1685705336887-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685705336887-0'); });
window._taboola = window._taboola || []; _taboola.push({ mode: 'thumbnails-a-2x2-stream', container: 'taboola-below-article-thumbnails', placement: 'Below Article Thumbnails', target_type: 'mix' });