window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_motor_article_breadcrumb_above_pc', [ 728, 90 ], 'div-gpt-ad-1685705363990-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685705363990-0'); });

ทดสอบ Malaguti Madison150 กับการเดินทางกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน!

Archa · Jun 30, 2023 07:21 AM

ทดสอบ Malaguti Madison150 กับการเดินทางกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน! 01

ทดสอบ Malaguti Madison150 กับการเดินทางกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน!

สำหรับประเทศไทยมอเตอร์ไซค์สกู๊ตเตอร์ถือได้ว่าเป็นพาหนะหลักยอดนิยม เนื่องจากความสะดวกสบายในการใช้งาน และมีให้เลือกอย่างหลากหลาย ซึ่งยิ่งนับวันตัวเลือกของรถสกู๊ตเตอร์ในเมืองไทยนั้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น อย่างล่าสุดได้มีค่ายผู้ผลิตระดับโลกสัญชาติอิตาลีแท้ ๆ อย่าง Malaguti ก็ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยแล้วด้วยเช่นกัน ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Malaguti Madison150 รถสกู๊ตเตอร์สัญชาติอิตาลีแท้ ๆ คันนี้กัน

  • Malaguti กับประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 100 ปี
  • ดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวไม่ซ้ำแบบใคร 
  • ขุมพลังเครื่องยนต์
  • ระบบกันสะเทือน และระบบเบรก
  • ขับขี่ใช้งานจริงกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน
  • สรุป Malaguti Madison150 เหมาะกับใคร

ทดสอบ Malaguti Madison150 กับการเดินทางกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน! 02

Malaguti Madison150 

Malaguti กับประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 100 ปี

Malaguti คือบริษัทผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศอิตาลี ที่เป็นแหล่งผลิตรถซูเปอร์คาร์ระดับโลกมากมาย Malaguti ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1930 โดยในเวลานั้นพวกเขาเป็นเพียงร้านขาย และซ่อมรถมอเตอร์ไซค์เท่านั้นโดย Antonino Malaguti ที่ตอนนั้นเขามีอายุเพียง 22 ปี ต่อจากนั้นเขาได้กลายมาเป็นบริษัทผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ในเมือง Bologna ประเทศอิตาลีในเวลาต่อมา

ทดสอบ Malaguti Madison150 กับการเดินทางกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน! 03

Malaguti แบรนด์จากประเทศอิตาลี

ประจวบกับในตอนนั้นได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 บริษัทจึงได้หยุดการผลิตลง และหลังจากสงครามเสร็จสิ้นลงรถมอเตอร์ไซค์ในราคาประหยัดเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก นั่นจึงทำให้ในช่วงเวลานั้นได้กำเนิดเป็นรถอย่าง Malaguti Madison ขึ้นมานั่นเอง และนับเป็นเวลากว่า 100 ปีแล้วที่แบรนด์อย่าง Malaguti ถือกำเนิดขึ้นมา และยังคงมีการดำเนินงาน และจัดจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ของพวกเขาไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยของเราเองด้วย

window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_motor_article_fourthp_under_pc', [ 728, 90 ], 'div-gpt-ad-1685705349363-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685705349363-0'); });

ทดสอบ Malaguti Madison150 กับการเดินทางกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน! 01

Malaguti Madison 150 ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย

ดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวไม่ซ้ำแบบใคร 

Malaguti Madison150 ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยถือเป็นรถสกู๊ตเตอร์ที่มาพร้อมเอกลักษณ์ด้วยงานดีไซน์ที่สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ตัวรถโดดเด่นมาด้วยชุดไฟ LED แบบรอบคัน ด้านหน้ามาพร้อมชุดโคมไฟคู่พร้อมแถบ Day Time Running Lift ที่ช่วยส่องแสงสว่างในเวลากลางวัน พร้อมด้วยแถบไฟเลี้ยวด้านข้างแบบบิ้วอินติดกับตัวรถ และไฟเบรกด้านท้ายดีไซน์สปอร์ตแบบแยกซ้ายขวาช่วยเพิ่มความเป็นสปอร์ตให้กับตัวรถได้เป็นอย่างดี เพราะการตัดบังโคลนด้านหลังออกไปแล้วใช้เป็นกันดีดติดเหนือชุดล้อด้านหลังทำให้ Malaguti Madison150 ได้โชว์ส่วนท้ายแบบเต็ม ๆ 

ทดสอบ Malaguti Madison150 กับการเดินทางกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน! 02

ชุดไฟ LED ด้านหน้าที่ออกแบบได้อย่างเฉียบคม

นอกจากนี้ตัวรถยังมาพร้อมชุดแฟริ่งที่เน้นเส้นสายอันโฉบเฉี่ยวตลอดทั้งคัน พร้อมด้วยตัวแฮนด์บาร์ทรงกว้างที่รับกับเบาะนั่งแบบตอนเดียวอันหนานุ่ม และตำแหน่งวางเท้าด้านหน้าที่ช่วยให้คุณจัดท่าทางการขับขี่ได้แบบสบาย ๆ นอกจากนี้ตัวรถยังมาพร้อมหน้าจอเรือนไมล์แบบดิจิตอล LCD เต็มรูปแบบที่แสดงสถานะของตัวรถเอาไว้อย่างครบครัน พร้อมด้วยช่องเสียบชาร์จ USB ที่ซ่อนไว้ตรงช่องเก็บของหน้าตัวรถด้านซ้ายที่จะช่วยให้คุณไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสาร และที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้นั่นก็คือระบบกุญแจแบบ Keyless ที่ช่วยให้คุณใช้งานตัวรถคันนี้ได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้ว

ทดสอบ Malaguti Madison150 กับการเดินทางกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน! 03

ไฟท้าย LED อันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ขุมพลังเครื่องยนต์

Malaguti Madison150 มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ 1 สูบ ขนาด 149.3 ซี.ซี. แบบ 4 จังหวะ 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำซึ่งช่วยให้คุณสามารถเดินทางไกลได้แบบสบาย ๆ ตัวรถมาพร้อมเทคโนโลยีหัวฉีดจาก Bosch EFI ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติด้วยสายพาน V-Belt  พร้อมด้วยถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ที่มีความจุถึง 10 ลิตร ที่ช่วยให้คุณไม่ต้องแวะเติมน้ำมันบ่อย ๆ ระหว่างการเดินทาง

ทดสอบ Malaguti Madison150 กับการเดินทางกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน! 04

Malaguti Madison150 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1 สูบ ขนาด 149.3 ซี.ซี. แบบ 4 จังหวะ 4 วาล์ว

ระบบกันสะเทือน และระบบเบรก

Malaguti Madison150 มาพร้อมกับโช้คอัพด้านหน้าแบบเทเลสโคปิค ส่วนด้านหลังให้มาเป็นโช้คอัพสปริงคู่ที่สามารถปรับได้ 5 ระดับ ในส่วนของระบบเบรกนั้นด้านหน้าตัวรถมาพร้อมจานดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 150 มม. พร้อมคาลิปเปอร์เบรก 3 แบบ 3 พอต ส่วนด้านหลังมาพร้อมจานดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 220 มม. พร้อมคาลิปเปอร์เบรกแบบ 1 พอต ซึ่งทั้งด้านหน้า และด้านหลังจะมาพร้อมระบบเบรกแบบ CBS หรือระบบกระจายแรงเบรกหน้าหลังนั่นเอง นอกจากนี้ตัวรถยังมาพร้อมชุดล้อแม็กลวดลายสวยงามขนาด 14 นิ้วรัดมาด้วยชุดยางหน้าขนาด 100/80 และด้านหลังขนาด 120/70  ที่เป็นแบบ Tubeless

ทดสอบ Malaguti Madison150 กับการเดินทางกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน! 05

มาพร้อมระบบกระจายแรงเบรกหน้าหลัง

ขับขี่ใช้งานจริงกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน

สำหรับการทดลองขับขี่เจ้า Malaguti Madison150 ในครั้งนี้เราได้ใช้เส้นทางจาก กรุงเทพฯ-อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งรวมระยะทาง ไป-กลับ กว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน โดยครั้งแรกที่เราได้เห็น Malaguti Madison150 ในชุดสีใหม่ล่าสุดอย่างสีขาวมุก (White Pearlescent) มันสวยมาก ๆ เลย ดูเรียบหรูแบบสุด ๆ  และแน่นอนว่าเราเริ่มออกเดินทางผ่านการจราจรอันแสนวุ่นวายภายในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ และเจ้า Malaguti Madison150 คันนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะตัวรถให้ความคล่องตัวแบบสุด ๆ ไม่ว่าจะมุด การหักเลี้ยว หรือการหลบหลีกการจราจรเข้าตรอกซอกซอย ต่าง ๆ ก็ไม่เป็นปัญหา ตัวรถสามารถพลิกเลี้ยวได้อย่างง่ายดาย บวกกับระบบเบรกที่ให้มาสามารถหยุดรถได้อย่างมั่นใจเมื่อต้องเจอกับสิ่งกีดขวางที่คาดไม่ถึงในระยะกระชั้นชิด

ทดสอบ Malaguti Madison150 กับการเดินทางกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน! 06

ตัวรถพลิกเลี้ยวง่ายคล่องตัว

และเมื่อเราหลุดออกมาจากกรุงเทพฯ ได้ก็ได้เวลาเค้นสมรรถนะเครื่องยนต์กันแบบยาว ๆ เพราะด้วยสภาพถนนเส้นลงใต้อย่างที่หลายคนทราบว่ามันคือทางตรงแบบยาว ๆ ตลอดช่วงหลายร้อยกิโลเมตร นั่นจึงทำให้เราไม่รอช้าเปิดคันเร่งชนิดที่เรียกได้ว่าหมดปลอกตลอดการเดินทาง ซึ่ง Malaguti Madison150 ก็ไม่ทำให้ผิดหวังมันสามารถทำความเร็วยืนพื้นที่ 110 กม./ชม. ได้แบบสบาย ๆ และในจังหวะที่ต้องเร่งแซงตัวรถสามารถทำความเร็วขึ้นไปแตะ 120 กม./ชม. ได้อย่างหายห่วง ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้เราสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ในจังหวะไหลลงเนินที่ 137 กม./ชม. กันเลยทีเดียว

ทดสอบ Malaguti Madison150 กับการเดินทางกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน! 07

ยืนพื้นความเร็ว 110-120 กม./ชม. ลากยาว ๆ ได้แบบสบาย ๆ

และการเดินทางในครั้งนี้ของเราเรียกได้ว่าเราใช้ความเร็วยืนพื้นในย่าน 110-120 กม./ชม. กับรอบเครื่องยนต์ที่ 7,000 รอบลากกันยาว ๆ แบบนี้นับร้อยร้อยกิโลเมตรทั้งไป และกลับ เรียกได้ว่ามีช่วงไหนหวดได้เราก็หวดแบบไม่มีกั๊ก ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าเครื่องยนต์บล็อกใหม่ที่มีหม้อน้ำเข้ามาช่วยนั้นทำให้การเดินทางครั้งนี้ของเราเป็นไปได้อย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนเครื่องยนต์แต่อย่างใด เรียกว่าเครื่องยนต์ Malaguti Madison150 ที่พัฒนามาใหม่นี้อึดทนเอาเรื่องจริง ๆ

ทดสอบ Malaguti Madison150 กับการเดินทางกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน! 08

เครื่องยนต์ใหม่ที่มาพร้อมหม้อน้ำทำให้ได้เดินทางไกล ๆ ได้แบบสบาย ๆ

ต่อมาสำหรับการเดินทางไกลแบบนี้แน่นอนว่าท่าทางการขับขี่ของเจ้า Madison150 นั้นสบายมาก ๆ เพราะด้วยตำแหน่งวางเท้าที่มีพื้นที่ให้เรายืดเหยียดเท้าได้ในช่วงทางไกล รวมไปถึงตำแหน่งของตัวแฮนด์ก็รับกับเบาะนั่งได้เป็นอย่างดีนั่นจึงทำให้เราเดินทางไกล ๆ ได้แบบสบาย ๆ ไม่ได้มีอาการเมื่อยล้าแต่อย่างใด เพราะในทุกครั้งที่เราแวะเติมน้ำมันแน่นอนว่าร่างกายของเราก็ได้พักผ่อนไปด้วย

ทดสอบ Malaguti Madison150 กับการเดินทางกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน! 09

พื้นที่วางเท้าด้านหน้าขนาดใหญ่ ยืดเหยียดผ่อนคลายได้เต็มที่

นั่นจึงทำให้การเดินทางในครั้งนี้สบายแบบสุด ๆ แถมช่องเก็บสัมภาระที่ให้มาก็สามารถใส่เสื้อผ้าแบบ 2 วัน 1 คืนของเราได้แบบสบาย ๆ นอกจากนี้ช่วงล่างที่ให้มาก็มั่นใจเราสามารถเข้าโค้งด้วยการล็อคคันเร่งเต็มข้อได้แบบสบาย ๆ โดยที่ตัวรถไม่มีอาการโยน หรือย้วยให้เห็นแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเข้าโค้งได้อย่างปลอดภัย และมั่นใจกันเลยทีเดียว 

ทดสอบ Malaguti Madison150 กับการเดินทางกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน! 10

ช่วงล่างมั่นใจเข้าโค้งได้แบบเนียน ๆ

สรุป Malaguti Madison150 เหมาะกับใคร

แน่นอนว่าในการเดินทางครั้งนี้เราได้ใช้ตัวรถที่เกินสมรรถนะของมันไปมาก แต่ตัวรถก็ไม่ได้มีปัญหาให้เราได้เห็นแต่อย่างใดนั่นจึงทำให้มั่นใจได้เลยว่า Malaguti Madison150 คันนี้จะสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้แบบสบาย ๆ หายห่วงแน่นอน

ทดสอบ Malaguti Madison150 กับการเดินทางกว่า 1,058 กม. ใน 2 วัน! 11

จะขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือเดินทางท่องเที่ยวก็ทำได้

หรือหากใครจะใช้สำหรับการเดินทางท่องเที่ยว หรือขับขี่เดินทางไกลแบบเราขอแค่ใจคุณพร้อมเจ้า Malaguti Madison150 จะพาคุณไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างราบรื่นแน่นอน และสำหรับใครที่กำลังมองหาความแตกต่าง และอยากได้รถมอเตอร์ไซค์สกู๊ตเตอร์ที่มีดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร เรามองว่า Malaguti Madison150 คันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียวกับราคาวางจำหน่ายที่ 79,800 บาทในตลาดเมืองไทยตอนนี้ 

อ่านเพิ่มเติม : Malaguti Madison 150 สกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมอิตาลีวางจำหน่ายในไทยแล้ว

อ่านเพิ่มเติม : Malaguti Drakon 125 เน็คเก็ตไบค์สเปคเกินตัวที่รอลุ้นวางจำหน่ายในไทย

อ่านเพิ่มเติม : Voge Valico 300 Rally แอดเวนเจอร์ไบค์สัญชาติจีนที่วางจำหน่ายในอิตาลี

 

 

Archa

นักเขียนอาวุโส

นักเขียน/นักทดสอบรถจักรยานยนต์ประสบการณ์กว่า 7 ปีในแวดวง 2 ล้อ ใช้รถมอเตอร์ไซค์เดินทางไปไหนมาไหนตั้งแต่อายุ 10 ปี ได้เรียนรู้รูปแบบการขับขี่กับสถาบันต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Honda , Yamaha , Kawasaki , BMW Motorrad , Ducati และ Aprilia ตั้งแต่หลักสูตรขั้นพื้นฐาน จนไปถึงระดับเรสซิ่ง โเชื่อว่าทุกคนสามารถขี่รถมอเตอร์ไซค์ได้ แต่ขี่ได้กับขี่เป็นนั้นมันแตกต่างกัน แวะเข้ามาพูดคุยกันได้ทางหน้า Facebook : Pongnara Archarit หรือทาง Instagram : Pongnara Archarit

window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_motor_article_relatedmodel_above_pc', [ 728, 90 ], 'div-gpt-ad-1685705336887-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685705336887-0'); });
window._taboola = window._taboola || []; _taboola.push({ mode: 'thumbnails-a-2x2-stream', container: 'taboola-below-article-thumbnails', placement: 'Below Article Thumbnails', target_type: 'mix' });