ใกล้หมดเวลาของรถมอเตอร์ไซค์ใช้น้ำมันเข้ามาทุกที
ตอนนี้ดูเหมือนว่าในหลาย ๆ ประเทศจะออกนโยบายมาอย่างชัดเจนแล้วว่าถึงการผันเปลี่ยนของบรรดายานยนต์ที่ใช้แหล่งพลังงานเชื้อเพลิงจากน้ำมัน โดยการกำหนดนโยบายห้ามใช้กันแล้วในหลายประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่จะเข้ามาแทนที่นั่นคือสิ่งที่ทาง AutoFun Thailand ได้นำเสนอกันมาโดยตลอดนั่นก็คือยานยนต์จากแหล่งพลังงานสะอาดเช่น รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านั่นเอง
ซึ่งในระยะหลังมาหากหลายคนสังเกตคงจะเห็นแล้วว่าบรรดาค่ายผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหลาย ต่างมุ่งเน้นไปที่โมเดลของรถไฟฟ้าที่จริงจัง และเริ่มผลิตวางจำหน่ายเยอะขึ้น นั่นก็เป็นเพราะว่ามันหลีกเลี่ยงต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ที่จะฝืนทำรถน้ำมันต่อไป ในเมื่อเริ่มมีกฎหมายออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่าห้ามใช้รถเครื่องยนต์สันดาปอีกต่อไป
ดังเช่นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทางฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรปก็ได้ออกมาแถลงการณ์ในการตั้งเป้าหมายให้ทวีปยุโรปทั้งหมด เป็นทวีปแรกของโลกที่ปราศจากการปล่อยค่า CO2 สู่ชั้นบรรยากาศแบบ 100% ให้ได้ภายในปี 2035 นี้ โดยจะทำการแบนรถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปจากพลังน้ำมันทั้งหมด
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_motor_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685705349363-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685705349363-0'); });
โดยตอนนี้ทางยุโรปได้หันมาส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งส่งผลให้รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในยุโรปมีราคาจำหน่ายที่ไม่สูงมากนัก รวมไปถึงการออกอัตราภาษีสำหรับการครอบครองรถยนต์ที่ผลิตก่อนหน้าปี 2000 ที่ใช้เครื่องยนต์แบบสันดาปให้ต้องเสียภาษีในราคาที่สูงกว่าปกติ
จนทำให้ทั้งรถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์รุ่นคลาสสิกหลายรุ่นไม่สามารถออกมาวิ่งบนท้องถนนสาธารณะได้ในปัจจุบัน เนื่องจากมีอัตราภาษีที่สูงจนทำให้กลายเป็นของสิ้นเปลืองไปนั่นเอง
ทั้งนี้สหภาพยุโรปไม่ได้เล็งแบนแค่ในรถส่วนบุคคลเท่านั้น ซึ่งทางสหภาพได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้อย่างชัดเจนว่าจะลดค่า CO2 ลง 55% ให้ได้ภายในปี 2030 โดยจะมีการเพิ่มมาตรการสำหรับยานพาหนะทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ส่วนตัว รถบรรทุก รถตู้ หรือยานพาหนะขนส่งสาธารณะ มอเตอร์ไซค์ สกู๊ตเตอร์ รวมไปถึงเรือ และอาจจะรวมไปถึงอากาศยานเชิงพาณิชย์ และส่วนตัว เพื่อให้ลดการปล่อยนค่า CO2 ให้ได้ 100% ภายในปี 2035 นี้อีกด้วย
ซึ่งเป้าหมายที่ว่าก็ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใดเพราะในขณะนี้ทางสหภาพยุโรปได้ตั้งงบประมาณในการอุดหนุนเอกชน ในการผลิตยานพาหนะพลังงานทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า ไนโตรเจน หรือเซลล์พลังงาน อีกทั้งยังมีการสนับสนุนการตั้งสถานีการชาร์จ หรือให้บริการยานพาหนะพลังงานสะอาดทั่วทั้งทวีป
และยังได้มีการนำเสนอกฎหมายให้ประเทศสมาชิกมีการตั้งสถานีบริการพลังงานสะอาดในทุก ๆ ระยะ 60 กิโลเมตร บนเส้นทางหลักระหว่างประเทศภายในปี 2025 ซึ่งจะหมายความถึงสถานีบริการที่จะเพิ่มจำนวนถึง 3.5 ล้านสถานีในปี 2030 และเพิ่มขึ้นเป็น 16.3 ล้านสถานีภายในปี 2050
ซึ่งหากกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบของประเทศสมาชิกนั้น จะทำให้การจำหน่ายยานพาหนะเครื่องยนต์สันดาป จะจบสิ้นในทวีปยุโรปก่อนปี 2030 ซึ่งนั่นหมายความว่าเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก
ซึ่งมันหมายถึงรถรุ่นใหม่ นวัตกรรมใหม่ ๆ เทคโนโลยีใหม่ พลังงานใหม่ และความเร็วของยานพาหนะบนท้องถนนที่จะรวดเร็วยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าหากร่างกฎหมายฉบับนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดีผู้ประกอบการด้านปิโตรเลียมจะต้องได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากแน่นอน
แต่เราก็เชื่อว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะต้องผ่านในเร็ววันอย่างแน่นอน อาจจะมีก็แค่ยืดระยะเวลาให้ล่าช้าออกไปอีกหน่อย เพื่อให้หลาย ๆ ธุรกิจได้ทำการปรับตัว และรองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้ได้เท่านั้นเอง
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_motor_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685705336887-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685705336887-0'); });