- แผนเปลี่ยนรถในเหมืองให้เป็นไฟฟ้า เพื่อบรรลุเป้าหมายของเหมือง
- งานวิศวกรรมโดย SEA Electric
- เหตุผลที่เลือก Toyota
- หัวใจไฟฟ้าใหม่ วิ่งไกล 380 กม.
- เอาเครื่องดีเซลไปไว้ที่ไหน
แม้ว่า Toyota (โตโยต้า) จะมีแผนที่จะทำกระบะไฟฟ้าในอนาคต แต่คงไม่มีการเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ ทำให้ภาคเอกชนจากออสเตรเลียต้องลองทำสิ่งนี้ด้วยตัวเอง แต่เหตุใดชาวออสซี่จึงเลือก Toyota Hilux มาแปลงเป็นไฟฟ้าเพื่อใช้งานในเหมืองกันนะ?
ยักษ์ใหญ่ในด้านของการทำเหมืองในออสเตรเลียต่างต้องการใช้งาน Toyota Hilux แปลงเป็นไฟฟ้าที่ผลิตในออสเตรเลีย เพื่อเลิกใช้เครื่องยนต์ดีเซลอย่างถาวร
แผนเปลี่ยนรถในเหมืองให้เป็นไฟฟ้า
MEVCO บริษัทที่ให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับใช้งานในเหมือง มีโครงการที่จะเปลี่ยน Toyota Hilux และ LandCruiser เครื่องดีเซลจำนวน 8,500 คันให้กลายเป็นรถไฟฟ้าที่เงียบและไร้มลพิษในอีก 5 ปีข้างหน้า (2028)
โครงการดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลล่าร์ โดยได้รับการออกแบบเพื่อใช้ประโยชน์จากความต้องการจากภาคทรัพยากรสำหรับรถเพื่อการพาณิชย์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เพื่อสามารถทำงานหนักในสภาวะที่ยากลำบากที่สุดได้
ไม่มีผู้ผลิตรถยนต์ใดเสนอรถสำหรับใช้ในโครงการนี้ โดยแม้ว่าในตลาดออสเตรเลียจะมี LDV eT60 แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่าง จึงมีการเลือกรถคันอื่นขึ้น
Matt Cahir ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ MEVCO ระบุว่า ความท้าทายไม่ได้อยู่ที่การโน้มน้าวให้ภาคเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของออสเตรเลียเข้ามามีส่วนร่วม แต่เป็นการหาผู้บริจาคกระบะ Toyota ที่เพียงพอต่อโครงการในขั้นแรก
“(เรามี) คำสั่งซื้อจากพื้นที่เหมืองถึง 5,000 คันแล้วตอนนี้ เพียงหนึ่งสัปดาห์ในเมืองเพิร์ธเราสามารถทำงานร่วมกับบริษัทเหมืองถึง 44 แห่ง ขณะนี้เราหยุดการรับจองแล้ว” Cahir กล่าวกับ CarExpert เมื่อเร็ว ๆ นี้
บริษัทเหมืองเหล่านี้จะเน้นสำหรับการผลิตลิเธียมและนิกเกิลเพื่อการส่งออกสำหรับเป็นวัตถุดิบสำหรับแบตเตอรี่อีวี ลูกค้ารายแรกในโครงการคือ Mineral Resources ซึ่งเป็นบริษัทที่ควบคุมเหมืองลิเธียมฮาร์ดร็อคที่ใหญ่ที่สุดในโลกถึง 2 แห่งในพื้นที่อันห่างไกลในออสเตรเลียตะวันตก
งานวิศวกรรมโดย SEA Electric
สำหรับ MEVCO นั้นไม่ได้รับผิดชอบในส่วนของวิศวกรรมเอง แต่ได้ทำข้อตกลง MOU กับ SEA Electric ซึ่งเป็นบริษัทแปลงรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ในออสเตรเลีย (ที่มีชื่อเสียงระดับโลก) เพื่อหาระบบขับเคลื่อนอีวีที่เหมาะสมกับรถ โดยเป็นสิ่งที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายเพราะ SEA Electric ต้องการที่จะหาฐานลูกค้าเพิ่มเติมด้วย
เมื่อไม่นานมานี้ SEA ได้แปลงรถบรรทุก Hino ให้เป็นไฟฟ้ามาแล้ว และเพิ่งลงนามร่วมมือกับ Mack ผู้ผลิตรถบรรทุกชื่อดัง ไปจนถึงการเปลี่ยนขุมพลังของรถโรงเรียนสีเหลืองแบบอเมริกันให้กลายเป็นไฟฟ้า
โดยระบบขับเคลื่อนอีวีที่มีนั้นสามารถนำมาใช้ได้ และแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพยังสามารถเปลี่ยนการใช้งานมาใช้เก็บพลังงานไฟฟ้าในบ้าน เช่น จากแผงโซล่าเซลล์
สำหรับการพัฒนาเพิ่มเติมจาก Hilux EV จาก MEVCO ยังมีการพัฒนาโดย GB Auto Group ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคของรัฐนิวเซาท์เวลส์ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบขับเคลื่อน EV ทำงานได้ตามที่ตั้งใจไว้
ส่วน Toyota Australia นั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยร่วมงานกันใน LandCruiser 70 เวอร์ชั่นไฟฟ้าพร้อมกับ BHP สำหรับการใช้งานในเหมืองมาก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตาม Nicholas Gardner วิศวกรโครงการของ GB Auto ซึ่งเคยเป็นวิศวกรประเมินที่ Toyota Australia มากว่าสามปีจนถึง ก.ค. 2021 จึงทำให้คนที่นี่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับ Hilux เป็นอย่างดี
การหา Toyota Hilux มาแปลงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยต้องเข้าใจว่าความต้องการรถกระบะของแต่ละบริษัทเหมืองนั้นมีมากมาย MEVCO ยังกล่าวว่า จะต้องซื้อรถจากตัวแทนจำหน่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้พวกเขาต้องรอรถน้อยกว่า 12 เดือน
เพื่อบรรลุเป้าหมายของเหมือง
Cahir กล่าวว่าเป้าหมายคือการเปลี่ยนรถที่ใช้ในเหมืองในออสเตรเลียให้เป็นไฟฟ้า ซึ่งมีความจำเป็นเนื่องจากเป้าหมายของเหมืองคือการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์และต้องทำทุกอย่างให้เป้าหมายนี้เป็นไปได้
โดยเป้าหมายดังกล่าวเกิดจากการตั้งเป้าหมายระยะยาวเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้วโดยบริษัทหลักทรัพย์เอกชนเกี่ยวกับเหมืองที่ชื่อ Resource Capital Funds
เหตุผลที่เลือก Toyota
เขากล่าวว่า “เรากำลังสร้างบางสิ่งที่จะใช้งานได้ในสภาพอากาศที่ร้อนที่สุดในออสเตรเลีย สภาพแวดล้อมที่สกปรกหรือมีฝุ่นมากที่สุด ที่ที่มีสภาวะที่ท้าทาย ทั้งความจำเป็นสำหรับการบรรทุกหรือลากจูง หรือบนทางลาดชัน”
“...เราเลือก HiLux และ LandCruiser เพราะรถเหล่านี้เป็นเหมือนม้าทำงานชั้นดี แชสซีของรถเหล่านี้ถูกสร้างมาเพื่อความทนทาน…(มันคือ) การค้นหาระบบที่จะเข้ากันได้กับโครงสร้างนั้น”
สิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับ Hilux EV คือการทำงานในพื้นที่ใต้ดินซึ่งมีอากาศถ่ายเทจำกัด การไม่ปล่อยไอเสียจะช่วยให้การทำงานนั้นง่ายขึ้น
หัวใจไฟฟ้าใหม่ วิ่งไกล 380 กม.
MEVCO เคลมว่า สำหรับระบบขับเคลื่อนที่ได้จาก SEA Electric (SEA-Drive) นั้นมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสองล้อ (4x2) และขับเคลื่อนสี่ล้อ (4x4) จับคู่กับแบตเตอรี่ขนาด 60 kWh ที่ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 260 กม. หรือแบตเตอรี่ขนาด 88 kWh ที่ขับได้ไกลสุด 380 กม.
ระบบขับเคลื่อนดังกล่าวสามารถชาร์จเร็วที่สุดแบบ DC ตั้งแต่ 0-80% ภายในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง โดยรถทุกคันที่ได้รับการแปลงเป็นไฟฟ้าจะได้การรับประกัน 5 ปีจากโรงงาน ซึ่งแบตเตอรี่ดังกล่าวถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้เป็นสิบปี
เครื่องดีเซลจะหายไปไหน
ยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัดว่าเครื่องยนต์ดีเซลของ Toyota จะไปไหน แต่มีทางเลือกคือเก็บเป็นอะไหล่ไว้ใช้หรือขายออกไป โดยในตอนนี้ยังไม่มีการจัดการในรูปแบบที่ให้ Toyota ขายรถให้ MEVCO และ SEA ในลักษณะของรถเปล่าไม่มีเครื่องยนต์จากโรงงานแต่อย่างใด
งบประมาณสนับสนุนใหม่ของออสเตรเลีย
Cahir เสริมว่า MEVCO จะพิจารณาวิธีที่จะลองถามไปยังกองทุนใหม่ของรัฐบาลกลางที่ออกแบบมาเพื่อสามารถบ่มเพาะบริษัทผู้ผลิตขั้นสูงของออสเตรเลีย ด้วยงบประมาณทั้งหมด 15,000 ล้านดอลลาร์
เอกชนรายอื่นก็แปลง Toyota Hilux เป็นอีวีด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม SEA Electric ไม่ได้ทำข้อตกลงกับ MEVCO เพียงรายเดียวสำหรับการแปลง Toyota Hilux ให้เป็นไฟฟ้าในออสเตรเลีย
เพราะเมื่อปลายปีที่แล้ว ROEV บริษัทในออสเตรเลียก็มีโครงการรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ของบริษัท โดยเปิดให้ลูกค้าที่มี Toyota Hilux หรือ Ford Ranger ปี 2016 ขึ้นไป ทั้งระบบขับสองและขับสี่สามารถนำมาแปลงเป็นไฟฟ้าล้วนได้
โดยมาพร้อมขุมพลัง 2 รูปแบบ ได้แก่ แบตเตอรี่ขนาด 64 kWh ที่ให้ระยะทางสูงสุด 240 กม./ชาร์จ และแบตเตอรี่ขนาด 96 kWh ที่สามารถวิ่งได้สูงสุด 360 กม./ชาร์จ
อ่านเพิ่มเติม : จะคุ้มไหม หาก Toyota Hilux ไฟฟ้าคันนี้ มีค่าดัดแปลงเกินครึ่งของราคารถ?
สำหรับกรณีของออสเตรเลียอาจถือได้ว่ามีการนำ EV มาใช้เพื่อการพาณิชย์ที่ยังไม่มากนักสำหรับค่ายรถต่าง ๆ จึงมีภาคเอกชนจึงพยายามที่จะอุดช่องว่างสำหรับการขนส่งในส่วนนี้
ส่วนประเทศไทยก็มีค่ายรถที่นำ EV มาใช้เพื่อการพาณิชย์บ้างแต่ยังไม่แพร่หลายนัก เช่น หกล้อไฟฟ้า CP Foton Aumark iBlue 85 โดยกลุ่มซีพี หรือ Toyota ที่กำลังพัฒนากระบะไฟฟ้า BEV ในพื้นฐานของ Hilux Revo ด้วยการร่วมมือกับ CJPT รวมถึงรถ FCEV เพื่อการพาณิชย์อีกด้วย