เมื่อ BMW M 1000 RR ปะทะ BMW M5 CS ใครจะเร็วกว่ากัน!

สำหรับศึกชิงความเร็วทางตรงในครั้งนี้มาจากเมื่อทาง Bik World และ Carwow ได้ตั้งคำถามขึ้นมาว่าหากนำรถจากค่ายใบพัดสีฟ้า BMW ที่เน้นหนักในเรื่อง Performance ของตัวรถในรหัส M ทั้งสายมอเตอร์ไซค์ และรถยนต์มาเจอกันในการแข่งขันทางตรง หรือ Drag Race มันจะมันขนาดไหน และระหว่าง M Performance ทั้ง 2 ใครจะได้รับชัยชนะไปในการแข่งครั้งนี้

• 2 ขุมพลังที่แตกต่าง
• กฎการแข่งขันในครั้งนี้
• การแข่งขันทั้งหมด 5 รอบ

2 ขุมพลังที่แตกต่าง

สำหรับ BMW M 1000 RR นั้นมันคือซุปเปอร์สปอร์ตไบค์เรือธงจากค่ายใบพัดสีฟ้า BMW ที่เรียกได้ว่าอยู่ในลำดับชั้นบนสุดแล้ว เพราะนี่คือมอเตอร์ไซค์จากทางค่ายรุ่นแรกที่ได้ใช้รหัส M Performance อย่างที่ฝั่งรถยนต์ของ BMW ได้ใช้กันมานานแล้ว โดย BMW M 1000 RR ได้มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียงขนาด 999 ซี.ซี. 4 วาล์ว/สูบ DOHC พร้อมเทคโนโลยีวาล์วแปรผันหรือ Shift Cam ระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำให้เครื่องยนต์ชุดนี้พร้อมส่งมอบขุมพลังที่ 205 แรงม้า (HP) ที่ 13,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตรที่ 11,000 รอบ/นาที ทำให้เจ้า 2023 BMW M 1000 RR มีคุณสมบัติที่เหนือกว่า BMW S 1000 RR ในรุ่นปกติด้วยความสามารถในการเร่งความเร็วจาก 0-96กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 3.1 วินาทีเท่านั้น และสามารถทำความเร็วสูงสุดทะลุ 300 กม./ชม. ได้ตั้งแต่เป็นรถเดิม ๆ ออกจากโรงงานโดยไม่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติมแต่อย่างใด

ในขณะที่ BMW M5 CS สปอร์ตซีดานที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินบล็อกวี 8 ขนาด 4.4 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศทวินเทอร์โบ รีดพละกำลังสูงสุด 636 แรงม้า แรงบิดมหาศาลถึง 750 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่จะถ่ายเทแรงบิดไปที่ล้อหลังเป็นหลัก โดย M5 CS สามารถทำอัตราเร่งจากหยุดนิ่งถึง 100 กม.ต่อชม. ได้ในเวลาเพียง 2.9 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุดไหลไปได้ถึง 306 กม.ต่อชม. ซึ่งมันถือเป็นรถสปอร์ตซีดานที่มาพร้อมขุมพลังที่โหดมาก ๆ ภายใต้รหัส M Performance ของทาง BMW

กฎการแข่งขันในครั้งนี้

สำหรับการแข่งขันระหว่าง BMW M 1000 RR ปะทะ BMW M5 CS ในครั้งนี้จะเป็นรูปแบบของการประลองความเร็วในทางตรงหรือที่เราเรียกการแข่งขันชนิดนี้ว่า Drag Race ซึ่งก็คือการแข่งขันที่เราได้เห็นกันบ่อย ๆ ในภาพยนตร์รถซิ่งสุดดังอย่าง Fast & Furious ที่จะใช้ระยะทางการแข่งขัน 1 ส่วน 4 ไมล์ในการตัดสินผลแพ้ชนะ

การแข่งขันทั้งหมด 5 รอบ

ถึงแม้การแข่งขันในครั้งนี้หลายคนอาจจะเดาผลได้ก่อนแล้วว่ายังไงรถมอเตอร์ไซค์ที่มีน้ำหนักตัวที่เบากว่าอย่าง BMW M 1000 RR ก็จะต้องคว้าชัยชนะได้ไปครองอยู่ดี แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นในทางฝั่งของรถยนต์อย่าง BMW M5 CS ก็ยังคงทำระยะเบรกได้สั้นกว่าทาง BMW M 1000 RR อยู่ดี

การแข่งรอบที่ 1 : ทั้ง BMW M 1000 RR ปะทะ BMW M5 CS จอดออกตัวพร้อมกัน และดูเหมือนว่าทางBMW M5 CS จะออกตัวได้ดีกว่าเพราะไม่ต้องกังวลกับแรงบิดที่ถ่ายลงสู่ล้อแบบมอเตอร์ไซค์ที่มันจะทำให้ล้อหน้าลอยขึ้นมาเหนือพื้นได้ ซึ่งนั่นทำให้ BMW M5 CS ออกนำไปก่อน แต่ก็ดีใจได้ไม่นาน BMW M 1000 RR ก็ไล่ขึ้นมาทันจนฉีกแซงเข้าเส้นไปได้ในที่สุด

การแข่งขันรอบที่ 2 : ในครั้งนี้ BMW M5 CS ออกตัวได้ดีกว่าเดิมเนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ใหม่ แต่สุดท้ายแล้ว BMW M 1000 RR ก็ไล่ขึ้นมาตีเสมอ และแซงไปได้อยู่ดี

การแข่งขันรอบที่ 3 : ในรอบนี้เป็นการการปล่อยตัวโดยให้ทางฝั่งของ BMW M 1000 RR ทำการออกตัวด้วยเกียร์ 3 เพื่อเป็นการต่อให้ทาง BMW M5 CS แต่สุดท้ายแล้ว BMW M 1000 RR ก็สามารถคว้าชัยไปได้อีกเช่นเคย

การแข่งขันรอบที่ 4 : มาในรอบนี้ BMW M 1000 RR ทำการออกตัวด้วยเกียร์ 4 ที่รอบตึงกว่าเดิม แต่ผลที่ออกมาก็คือ BMW M 1000 RR ก็ยังฉีกทิ้งห่าง นี้ BMW M5 CS ไปได้อยู่ดี

การแข่งขันรอบที่ 5 : มาในรอบนี้ BMW M 1000 RR ทำการออกตัวด้วยเกียร์ 5 แต่ผลที่ออกมาก็ยังคงเป็นเช่นเดิมคือ BMW M 1000 RR ก็ยังคงคว้าชัยชนะไปได้

การแข่งขันรอบที่ 6  : ในรอบสุดท้ายนี้ทาง Mat Watson ผู้ขับ BMW M5 CS ได้ให้ BMW M 1000 RRทำการออกตัวด้วยเกียร์ 6 ซึ่งในรอบนี้ทาง BMW M5 CS ดูจะมีหวังเล็กน้อยแต่สุดท้ายแล้ว BMW M 1000 RR ก็ตีตื้นขึ้นมา และขึ้นแซงคว้าชัยชนะไปได้อีกเช่นเคย

ซึ่งสำหรับการแข่งขันในครั้งนี้หากใครเชียร์รถอย่าง BMW M5 CS อยู่ละก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะมันชนะในเรื่องของการเบรกไปได้อย่างเด็ดขาด

อ่านเพิ่มเติม : 2023 BMW M 1000 RR ฉลามตัวท็อปแรงกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

อ่านเพิ่มเติม : 2023 BMW M 1000 R เน็คเก็ตไบค์ติดปีกมาแล้วตามคาด

อ่านเพิ่มเติม : 2022 BMW M5 CS สปอร์ตซีดานที่จะทำให้คุณลืม Ferrari - Lamborghini