ลองขึ้นหลังเสือสุดดุ 2023 Triumph Tiger 1200 ตัวจบทั้ง On-Road และ Off-Road !

สำหรับรถแอดเวนเจอร์ไบค์สมรรถนะสูงอย่าง 2023 Triumph Tiger 1200 นั้นอย่างที่หลายคนได้ทราบกันดีว่ามันได้เปิดตัวในประเทศไทยไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในตอนนี้ในประเทศไทยจะมีการนำเข้ามาวางจำหน่ายด้วยกัน 2 รุ่นนั่นก็คือ Triumph Tiger 1200 Rally Pro ในราคา 972,000 บาท และในรุ่นท็อปสุดอย่าง Triumph Tiger 1200 Rally Explorer ในราคา 1,039,000 บาท และล่าสุดทาง AutoFun Thailand ของเราก็ได้ถูกเรียกตัวให้ไปทำการขับขี่ทดสอบเจ้าเสือใหญ่ทั้ง 2 รุ่นนี้ด้วยตนเอง ณ สนาม Touratech Adventure & Enduro Park จังหวัดชลบุรี นั่นเองซึ่งบอกเลยว่างานนี้เราได้ขี่เสือกันในเส้นทางธรรมชาติแบบเต็มเหนี่ยวกันเลยทีเดียว ซึ่งรายละเอียดการทดสอบในครั้งนี้จะเป็นอย่างไรบ้างตามเราไปลุยกันได้เลย

• เจอคันจริงมันใหญ่มาก แต่ก็สวยมากด้วย
• ขึ้นหลังเสือทำความคุ้นเคย
• รีดเค้นขุมพลัง T-Plane 
• ช่วงล่าง ระบบเบรก และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ทำงานสอดคล้องกันอย่างดีที่สุด
• ได้เวลาออกล่าเหยื่อในเส้นทางแอดเวนเจอร์ และเอ็นดูโร่
• สรุป Triumph Tiger 1200 Rally Pro และ Triumph Tiger 1200 Rally Explorer

เจอคันจริงมันใหญ่มาก แต่ก็สวยมากด้วย

และเมื่อถึงเวลาที่เราจะขึ้นคร่อมเสือใหญ่ตัวเป็น ๆ นั้นต้องบอกเลยว่ารถคันจริงเมื่อได้ดูใกล้ ๆ มันสวยมาก และงานประกอบทุกอย่างไม่ต้องพูดถึงไร้ที่ติ โดยการขับขี่ของเราในวันนี้เราได้เริ่มจาก Triumph Tiger 1200 Rally Pro กันก่อนซึ่งความแตกต่างระหว่างรุ่น Rally Pro และ Rally Explorer นั้นจะอยู่ที่ขนาดของถังน้ำมัน และมิติของตัวรถโดย Triumph Tiger 1200 Rally Pro จะมาพร้อมกับถังน้ำมันขนาดความจุ 20 ลิตร กับน้ำหนักตัวรถไม่รวมของเหลวที่ 249 กก. พร้อมด้วยความยาวตัวรถที่ 2,270 มม. 

ส่วนในรุ่นท็อปอย่าง Triumph Tiger 1200 Rally Explorer จะมาพร้อมกับถังน้ำมันขนาดใหญ่ถึง 30 ลิตร กับน้ำหนักตัวรถไม่รวมของเหลวที่ 261 กก. พร้อมด้วยความยาวตัวรถ 2,296 มม. และระบบอย่าง Triumph Blind Spot Radar หรือระบบเรดาร์ที่สามารถตรวจจับรถที่เข้ามาในจุดอับสายตาได้โดยการแจ้งเตือนเป็นไฟกระพริบบริเวณกระจกมองข้างของตัวผู้ขับขี่ ซึ่งระบบนี้จะมีเฉพาะในตัว Triumph Tiger 1200 Rally Explorer เท่านั้นนอกนี้รายละเอียดบนตัวรถอื่น ๆ จะเหมือนกันแทบทั้งสิ้น 

ขึ้นหลังเสือทำความคุ้นเคย

สำหรับตัวรถที่เราได้ขี่ทั้ง 2 รุ่นในวันนี้ทาง Triumph Thailand ได้ทำการปรับใส่เบาะนั่งแบบ Low Seat มาให้เราเป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้ง 2 รุ่นจากความสูงเบาะเดิมอยู่ที่ 875-895 มม. ให้ลดลงมาได้อีก 20 มม. ด้วยกันแต่ต้องบอกเลยว่าเราที่สูงเพียงแค่ 168 ซม. นั้นก็ยังไม่สามารถวางเท้าทั้ง 2 ข้างได้แบบเต็มพื้นอยู่ดี แต่ก็ไม่ถึงขนาดต้องเขย่งเรียกว่าเบาะ Low Seat ช่วยสร้างความมั่นใจให้เราได้อีกเยอะ และแล้วก็ได้เวลาสตาร์ทเครื่องยนต์ขนาด 1,160 ซี.ซี. อันทรงพลังที่ให้เสียงแผดแบบดุ ๆ เป็นเอกลักษณ์มาก ๆ

ซึ่งในช่วงแรกจะเป็นการขับขี่ บังคับเลี้ยวอ้อมกรวย และโค้งบนลานกว้างกันก่อนเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับตัวรถให้ได้มากที่สุด ซึ่งต้องบอกว่าเมื่อขับขี่ออกไปแล้วนั้นน้ำหนักของตัวรถไม่ได้เป็นปัญหาเลย ตัวรถกลับให้ความรู้สึกที่มั่นคง คล่องตัว บังคับเลี้ยวง่าย ท่าทางการขับขี่ทั้งนั่ง และยืนสบายสุด ๆ ตัวเบาะรับกับท่านั่งได้เป็นอย่างดีแถมนุ่มสบายอีกต่างหาก และเมื่อเราทำการปรับตัวเข้าหาตัวรถเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาออกไปหวดรีดเค้นขุมพลังของเครื่องยนต์ T-Plane ใหม่กันบนทางดำ และทางฝุ่นด้านนอกสนามกันก่อน

รีดเค้นขุมพลัง T-Plane 

สำหรับ Triumph Tiger 1200 Rally Pro และ Triumph Tiger 1200 Rally Explorer มาพร้อมเครื่องยนต์เดียวกันคือ เครื่องยนต์ขนาด1,160 ซี.ซี. ที่พร้อมส่งมอบขุมพลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 9,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 130 นิวตันเมตรที่ 7,000 รอบ/นาที แบบ T-Plane 3 สูบเรียงที่มาพร้อมช่วงการจุดระเบิดแบบไม่เท่ากัน ซึ่งทำให้รอบต้นของเจ้า Tiger 1200 นั้นมาเร็ว และจัดไม่แพ้รถเครื่องยนต์ 2 สูบเรียงเลย หรือพูดง่าย ๆ ก็คือทอร์คมาหนักหน่วง และสะใจมาก ๆ

อีกทั้งตัวรถที่ให้ชุดเกียร์แบบ Triumph Shift Assist มาด้วยกับระบบส่งกำลังขับเคลื่อนด้วยเพลา และคันเร่งไฟฟ้านั่นยิ่งทำให้เราต่อเกียร์ได้อย่างลื่นไหลในโหมด Sport ที่เผลอเป็บเดียวความเร็วบนหน้าจอเรือนไมล์ของเราก็ไปแตะอยู่ที่ 170 กม./ชม. ได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้คุณจะอยู่ในเกียร์ 5 ของตัวแต่เชื่อไหมว่าทอร์คของมันยังมาแบบน่าตกใจอยู่เลย พร้อมให้คุณเปิดคันเร่งแซงรถคันหน้าได้แบบในทันที ซึ่งทั้งหมดนั้นให้ความรู้สึกที่เหมือนเราไม่ได้ขับขี่รถสไตล์แอดเวนเจอร์ไบค์อยู่เลย เราเองนึกว่าขี่รถสปอร์ตเสียมากกว่า

ช่วงล่าง ระบบเบรก และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ทำงานสอดคล้องกันอย่างดีที่สุด

ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้เห็นจะเป็นในเรื่องของระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ Up Side Down ขนาด 49 มม. และโช้คอัพหลังเดี่ยวจาก Showa ที่ทั้งด้านหน้า และด้านหลังสามารถปรับพรีโหลดระยะยุบได้ถึง 220 มม. ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง พร้อมด้วยชุดเบรกด้านหน้าที่มาพร้อมดิสก์เบรกคู่ Brembo M4.30 ขนาด 320 มม. ที่ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์เบรกตัวท็อปจาก Brembo อย่าง Stylema กับปั้มบน Magura HC1 พร้อมด้วยจานดิสก์เบรกเดี่ยวด้านหลัง และคาลิปเปอร์จาก Brembo 

ผสานเข้ากับโหมดการขับขี่ที่มีมาให้คุณได้เลือกใช้ถึง 6 โหมด คือ Road , Rain , Sport , Rider-Configurable , Off-Road และ Off-Road Pro ซึ่งทั้งหมดทำงานร่วมกันอย่างลงตัวจนถึงแม้คุณจะขับขี่ด้วยความเร็ว และผ่านหลุมบ่อ หรือกองทรายบนพื้นผิวถนนตัวรถก็ไม่เสียอาการแต่อย่างใด อีกทั้งด้วยชุดล้อด้านหน้าขนาด 21 นิ้ว และด้านหลังขนาด 18นิ้วที่ให้มาสำหรับสายลุย กลับขับขี่บนทางดำได้อย่างสนุก และมั่นใจอย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนสำหรับทางฝุ่นนั้นไม่ต้องพูดถึงสบาย ๆ หายห่วงแน่นอน ซึ่งด้วยระบบทั้งหมดที่เราได้พูดมานั้นทำให้เราสามารถขับขี่เจ้า Tiger 1200 ได้อย่างมั่นใจในทุกเส้นทาง ในทุกโค้ง ในทุกย่านความเร็ว 

ได้เวลาออกล่าเหยื่อในเส้นทางแอดเวนเจอร์ และเอ็นดูโร่

สำหรับการขับขี่ในเส้นทางแอดเวนเจอร์ และเอ็นดูโร่นั้นเราได้ลองใช้ทั้งโหมด Off-Road และ Off-Road Pro ในการขับขี่กับรถทั้ง 2 รุ่นซึ่งต้องบอกเลยว่าในด้านของพละกำลังนั้นไม่ต้องห่วงมีให้คุณได้ใช้ในป่าสำหรับการขึ้นทางลาดชัน การเอาตัวรอดจากบ่อทราย หรือโขดหินต่าง ๆ ได้แบบเหลือ ๆ

และเมื่อได้เอาเจ้า Triumph Tiger 1200 Rally Pro และ Triumph Tiger 1200 Rally Explorer มาขับขี่ในเส้นทางธรรมชาติแบบนี้แล้วนั้นต้องบอกเลยว่า Triumph พัฒนาตัวรถทั้ง 2 รุ่นมาได้แบบดีมาก ๆ ซึ่งหากใครที่อ่านมาถึงจุดนี้ และกำลังกังวลกับเรื่องน้ำหนักตัวของมันเราบอกได้เลยว่าเมื่อคุณได้เปิดคันเร่งออกไปน้ำหนักของตัวรถแทบจะหายไปเลย ที่เหลือคุณเพียงแต่คอยควบคุมคันเร่งไฟฟ้า และเบรกเอาไว้ไม่ว่าจะเส้นทางแบบไหนเจ้าเสือใหญ่คันนี้ก็พาคุณไปได้ในทุกเส้นทาง

หรือแม้แต่ที่ที่ไม่มีทางก็ตามเราเชื่อว่ามันไปได้ และการขับขี่ในเส้นทาง Off-Road นั้นเมื่อคุณทำการปิดระบบทุกอย่างลงเหลือไว้เพียงคุณกับตัวรถ เพียงแค่คุณเปิดคันเร่งเบา ๆ แรงม้าขนาด 150 ตัวก็พร้อมจะพาคุณสไลด์เข้าโค้งไปได้ในทุกโค้งอย่างง่ายดาย เพียงคุณเปิดคันเร่งท้ายก็พร้อมสบัดไปมาตามความสนุกของคุณแล้ว ซึ่งเราเชื่อว่าสายเอ็นดูโร่เข้าใจความสนุกแบบนี้กันดี นอกจากความแรงของเครื่องยนต์แล้ว ชุดล้อที่ให้มาบวกช่วงล่างก็สามารถช่วยให้คุณผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ที่ต้องพบเจอไปได้อย่างไม่ยากลำบากเลย

สรุป Triumph Tiger 1200 Rally Pro และ Triumph Tiger 1200 Rally Explorer

สุดท้ายนี้เราไม่อยากจะพูดอะไรไปมากกว่านี้เพราะตัวรถทั้ง 2 รุ่นนั้นมันสุดจริง ๆ จนอยากให้คุณได้ไปลองขี่มันด้วยตัวเอง ซึ่งส่วนตัวแล้วเราคิดว่า Triumph Tiger 1200 Rally Pro และ Triumph Tiger 1200 Rally Explorer นั้นเป็นรถที่จบคือมันสามารถตอบโจทย์คุณได้ทั้งการขับขี่บนถนนดำ หรือทางฝุ่น เรียกได้ว่าซื้อรถคันเดียวคุณสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ในทุกพื้นที่ ทุกสภาพถนน

แต่ที่สำคัญเราอยากจะบอก และขอเตือนเอาไว้ก่อนว่าทั้ง 2 รุ่นไม่เหมาะอย่างยิ่งยวดสำหรับมือใหม่ หรือสำหรับผู้ที่ไม่มีทักษะในการขับขี่หรือประสบการณ์ที่สูงพอตัว เพราะด้วยพลังของมันถ้าคุณคุมมันไม่อยู่รับรองได้เลยว่าคุณมีตกจากหลังเสือเอาง่าย ๆ อย่างแน่นอน และท้ายที่สุดนี้ส่วนตัวแล้วเราหลงรักเสือทั้ง 2 ตัวนี้มาก ๆ ซึ่งเราสัญญาว่าจะนำมันออกมาขับขี่ในรูปแบบของการเดินทางท่องเที่ยวใช้งานแบบยาว ๆ ในสถานที่จริงกันให้ทุกคนได้รับชมกันอีกครั้งอย่างแน่นอน 

อ่านเพิ่มเติม : Test Ride 2022 Triumph Tiger Sport 660 

อ่านเพิ่มเติม : Triumph Tiger 1200 กับ 10 คำตอบที่คุณต้องรู้ก่อนซื้อรถคันนี้

อ่านเพิ่มเติม : 2022 Triumph Tiger 1200 พี่เสือสายลุยรุ่นใหญ่เปิดตัวในประเทศไทยแล้ว