ทำไมญี่ปุ่นยอมทิ้งตลาดหมื่นล้าน ห้ามส่งออกรถมือสองไปรัสเซียแล้ว

รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศห้ามส่งออกรถยนต์มือสองไปยังประเทศรัสเซียแล้ว ส่งผลสะเทือนถึงมูลค่าตลาดที่สูงถึงเกือบ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

ความต้องการใช้งานรถมือสองสัญชาติญี่ปุ่นในรัสเซียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการที่หลายบริษัทรถยนต์ระดับโลกทยอยถอนธุรกิจออกมา เมื่อกองทัพหมีขาวใช้กำลังทหารบุกรุกรานเพื่อนบ้านอย่างยูเครน

ก่อนที่จะประกาศห้ามการส่งออก ยอดขายรถมือสองจากญี่ปุ่นถึงรัสเซียมีมูลค่าสูงถึง 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วน 15% ของยอดขายทั้งหมด ขณะที่ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ รัสเซียนำเข้ารถจากญี่ปุ่นมากกว่า 150,000 คัน

การประกาศห้ามส่งออกไปยังรัสเซียซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ทำให้มูลค่ารถยนต์มือสองของญี่ปุ่นลดลงอย่างต่อเนื่อง จนบรรดาบริษัทขายรถใช้แล้วต้องมองหาตลาดอื่น ๆ ที่สามารถส่งรถพวงมาลัยขวาไปขายได้ อย่างนิวซีแลนด์ แอฟริกา รวมถึงอาเซียน

ปลายทางรถมือสอง

สำนักข่าว Asahi รายงานว่า ญี่ปุ่นเป็นผู้นำการส่งออกรถมือสองระดับโลกมานานหลายทศวรรษแล้ว สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะระบบการตรวจสอบสภาพรถที่ค่อนข้างเข้มงวดทำให้ลูกค้าผู้ครอบครองรถตัดสินใจขายรถเมื่อใช้ไปไม่กี่ปี

ขณะเดียวกัน การจัดไฟแนนซ์เพื่อซื้อรถใหม่ป้ายแดงจากโชว์รูมนั้นมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าและสะดวกง่ายดายกว่าการครอบครองรถมือสองเมื่อเทียบกันในระยะยาว

ผลลัพธ์ที่ได้คืออุตสาหกรรมการส่งออกรถมือสองจากญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีปลายทางอยู่ในหลายประเทศ ตั้งแต่มาเลเซียและปากีสถานไปจนถึงมองโกเลียและแทนซาเนีย

ทาคาโนริ คิคูชิ ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายยานยนต์ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น กล่าวว่า รัฐบาลกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการประกาศแบนห้ามส่งออกรถยนต์ไปรัสเซีย

ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นเริ่มต้นจากการห้ามส่งออกสินค้าฟุ่มเฟือยในยังรัสเซีย ตามมาด้วยห้ามการส่งออกรถบรรทุก ก่อนที่จะห้ามการส่งออกรถมือสองในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม การห้ามการส่งออกยังมีข้อยกเว้นตรงที่สามารถส่งออกรถยนต์ขนาดเล็กอย่าง Toyota Yaris และ Honda Fit หรือ Jazz ได้ต่อไป

รายงานข่าวระบุว่าสาเหตุที่มีการกำหนดมาตรการห้ามการส่งออกรถมือสองไปยังรัสเซีย คือการที่ญี่ปุ่นยึดมั่นตามข้อตกลงของกลุ่มประเทศ G7