ชิปขาดตลาดเป็นเหตุ ลูกค้า Mercedes-Benz อาจต้องรอรถข้ามปี

ปัญหาการขาดแคลนชิปส่งผลสะเทือนต่อทุกแวดวงอุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลก รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วง

ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2021 ผู้ผลิตรถยนต์เริ่มตระหนักถึงสถานการณ์การขาดแคลนชิ้นส่วนที่ไม่สู้ดี เมื่อโรงงานประกอบรถยนต์หยุดการผลิตไปทีละแห่ง Toyota  (โตโยต้า) หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกหนีไม่พ้นปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ (Semi-Conductor) ทำให้โรงงานในสหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก และอีกหลายแห่งทั่วโลกต้องหยุดชะงัก

หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายล่าสุดที่ต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนนี้คือ Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ซึ่งหนังสือพิมพ์ Frankfurter Allgemeine Zeitung ของเยอรมนี รายงานว่าลูกค้าอาจต้องรอรับรถนานถึงหนึ่งปี

โอลา คัลเลนเนียส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Daimler ให้สัมภาษณ์ว่า ความต้องการรถยนต์ Mercedes-Benz มีสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน มีข้อจำกัดในหลายด้านที่บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการผลิตได้ตามปกติ

“สำหรับรถยนต์บางรุ่น ลูกค้าอาจต้องรอนานเกินกว่าเป้าหมายที่เราวางไว้ และในบางกรณีอาจนานมากกว่าหนึ่งปี” คัลเลนเนียส กล่าวเพิ่มเติม

รายงานข่าวระบุด้วยว่า ผู้บริหารระดับสูงของทั้ง Mercedes-Benz และ BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) มองตรงกันว่าปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลกอาจไม่หมดไปจนกว่าจะถึงปี 2023 อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ที่ลดน้อยลงในปีหน้า

ขณะเดียวกัน รายงานในเดือนสิงหาคมระบุว่า Mercedes-Benz เตรียมยกเลิกรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ V8 ในรุ่นปี 2022 เกือบทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากปัญหาในเรื่องของกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการจัดจำหน่ายสินค้าทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ ค่ายรถยักษ์เยอรมันได้โต้แย้งเรื่องนี้ โดยระบุว่าการยกเลิกเครื่องยนต์ V8 เกิดจากปัญหาด้านคุณภาพไม่ใช่ในเรื่องของการจัดหา

นอกจากนี้ แม้ว่าจะมีการผลักดันการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างที่เห็นในงาน IAA หรือมิวนิค มอเตอร์โชว์  แต่ฟิลิป ชไฮม์เมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mercedes-AMG กล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าขุมพลัง Mercedes V8 จะอยู่ต่อไปอีก 10 ปี เนื่องจากมีความต้องการที่สูงมากจากลูกค้าทั่วโลก