เชื่อว่าหลายท่าน อยากเป็นเจ้าของ หรือลองนั่งซุปเปอร์คาร์ของ Bugatti (บูกัตติ) นั่นก็คือ Bugatti Chiron (บูกัตติ ชิรอน) ที่มีค่าตัวโดยประมาณ 3 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 99 ล้านบาทไทย
โดยมีเว็บไซต์จากต่างประเทศเผยออกมาว่า ใน 1 ปีนั้นเราจะต้องจ่ายค่าบำรุงรักษา Bugatti Chiron นี้กันเท่าไร รวมถึงในกรณีที่ตั้งโชว์ไว้เฉย ๆ ด้วย
น้ำมันเครื่อง 21,000 ดอลลาร์
ใช่แล้วครับ ค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง บูกัตติ ชิรอน อยู่ที่ประมาณ 21,000 ดอลลาร์หรือเกือบ 700,000 บาทต่อปี สามารถซื้อ Honda City (ฮอนด้า ซิตี้) รุ่นรองท็อปทุกปีเลยก็ว่าได้
เนื่องจากว่า การถ่ายน้ำมันเครื่องนั้น เกือบจะต้องถอดประกอบชิ้นส่วนใหม่เลยทีเดียว และใช้เวลานานถึง 27 ชั่วโมง อีกทั้งยังใช้น้ำมันเครื่อง 60W ที่มีความหนาอย่างมากเป็นจำนวน 16 ลิตร จึงใช้เวลาถ่ายนานเป็นพิเศษ
ประกอบกับเครื่องยนต์ขนาด 8 ลิตร เทอร์โบ 4 ลูก W16 มีกำลัง 1,200 แรงม้า แรงบิด 1,491 นิวตันเมตร เกียร์ 7 สปีด DSG จึงทำให้มีความยุ่งยากเป็นอย่างมาก
เทอร์โบลูกละ 6,400 ดอลลาร์
มีตัวเลขเผยออกมาว่าเทอร์โบทั้ง 4 ลูกนั้น มีราคาอยู่ที่ประมาณ 210,000 บาทต่อลูก ยังไม่นับรวมค่าแรงในการเปลี่ยนอีกเกือบ 300,000 บาท
และมีอินเตอร์คูลเลอร์ 2 ตัว ตัวละ 210,000 บาท และค่าแรงเปลี่ยนอีก 66,000 บาทต่อตัว
เบรกและยาง
เมื่อคุณขับรถที่มีพละกำลังอยู่นระดับนี้ จะต้องใช้เบรกที่ดีและได้มาตรฐาน จานเบรก 4 ชิ้นมีราคาอยู่ที่ 1.5 ล้านบาท ผ้าเบรก 300,000 บาท นอกจากนี้ยังต้องทำการถ่ายน้ำมันเบรก ทำความสะอาดและเปลี่ยนสายต่าง ๆ ต่อปีที่ 1.96 ล้านบาท
สำหรับยางหน้า มีขนาด 285/30R20 และหลัง 355/25R21 ใช้ยาง Michelin Pilot Sport 2s ราคา 4 เส้นอยู่ที่ 4 แสนบาท ซึ่งจะต้องเปลี่ยนทุก ๆ 4,000 กิโลเมตร แต่ถ้าวิ่งที่ความเร็วสูงสุด 490 กม./ชม. ก็จะวิ่งได้ 15 นาที แต่น้ำมันจะหมดก่อนที่ 12 นาทีแรก
ถ้าอยากได้ล้อชุดใหม่ ก็จะอยู่ที่ 2.29 ล้านบาท
กระจกและที่ปัดน้ำฝน
หากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนกระจก ราคาตกบานละ 2 ล้านบาท สำหรับที่ปัดน้ำฝนนั้นทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อลดน้ำหนัก มีราคา 126,000 บาท
ถังน้ำมัน
ด้วยความที่เป็นรถที่ค่อนข้างจะพิเศษ รวมถึงอะไหล่ต่าง ๆ จำเป็นจะต้องเปลี่ยนถังน้ำมันและอะไหล่ภายในทุก ๆ 4 ปี ราคาถังละ 1.4 ล้านบาท รวมกับปั๊มต่าง ๆ ด้วย
จอดก็ต้องจ่าย
ว่ากันว่ารถของ Bugatti นั้นก็เหมือนกับงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ที่จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แม้ว่าคุณจะขับมันหรือจอดโชว์ไว้ในโรงรถก็ตาม
โดยหากรวมค่าบำรุงรักษาประจำปีแล้ว ก็จะตกอยู่ที่ประมาณ 30,000 ดอลลาร์ หรือปีละ 1 ล้านบาท แม้จะจอดไว้ก็ตาม เนื่องจากการเปลี่ยนอะไหล่ หรือค่าบำรุงรักษาจะต้องทำการถอดประกอบชิ้นส่วนด้านหลังใหม่ทั้งหมด
เมื่อลองบวกค่าอะไหล่ต่าง ๆ ในกรณีที่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนเข้าด้วยกันแล้ว ก็จะอยู่ที่ 7.5 ล้านบาท
เนื่องจากการคำนวนรถจำพวกซุปเปอร์คาร์ หรือ High Performance Car ต่าง ๆ เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และอยู่ที่พฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละคน รวมถึงของที่นำมาใช้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์ หรือยาง ที่มีราคาแตกต่างกันไป
ยังไม่รวมถึงค่าเปลี่ยนอะไหล่จุกจิกอื่น ๆ ที่อาจเสียได้ตามการใช้งาน หรือใครที่ชอบไปงานโชว์ตัวต่าง ๆ ก็อาจมีค่ารถสไลด์กันด้วย ราคารถว่าแพงแล้ว ค่าบำรุงรักษาก็ยังแพงด้วย มีเงินซื้อรถแล้วอย่าลืมนึกถึงค่าบำรุงรักษากันด้วยนะครับ