- เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 อาจไม่ตอบโจทย์การใช้งานจริง
- ทดสอบด้วย Honda Legend ในระบบ Honda Sensing Elite บนทางหลวงประเทศญี่ปุ่น
- Honda Legend ที่มีระบบขายได้เพียง 80 จาก 100 คัน เพราะคนไม่มั่นใจ?
เมื่อปีที่แล้ว Honda (ฮอนด้า) เขย่าโลกของยานยนต์โดยการเอาชนะผู้ผลิตรถยนต์หรูด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 ที่ใช้งานได้จริง
แต่จริง ๆ แล้ว Audi มีระบบดังกล่าวแล้วเมื่อไม่กี่ปีก่อน แต่ยังไม่เคยเปิดใช้งาน เนื่องด้วยข้อกังวลทางกฎหมายที่เกี่ยวกับการใช้งานนั้นยังเป็นปัญหาอยู่ ประเด็นอยู่ตรงที่แค่มีเทคโนโลยีนั้นไม่เพียงพอ เพราะต้องใช้งานได้จริงด้วย
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
ทุกคนต่างจับจ้องมาที่ฮอนด้า ที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์หนึ่งเดียวที่เปิดตัวรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 3 ขับขี่บนถนนสาธารณะ จากรายงานของ Automotive News ซีดานหรูเรือธงอย่าง Honda Legend ได้รับอนุมัติให้เทคโนโลยีดังกล่าวสามารถขับขี่ในญี่ปุ่นได้ และสามารถใช้ได้ใน 90% ของทางหลวงในญี่ปุ่น
ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 3 จะทำให้ผู้ขับขี่สามารถปล่อยมือและสามารถละสายตาขณะขับขี่ได้ แต่ผู้ขับขี่ต้องพร้อมที่จะกลับเข้ามาควบคุมรถได้ตลอดเวลา
ระบบมีข้อจำกัดมาก
ในกรณีของฮอนด้า ในระบบที่เรียกว่า Honda Sensing Elite จะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยในกรณีที่การจราจรติดขัดแบบ stop-and-go โดยมือเราไม่ต้องแตะที่พวงมาลัย แต่ระบบนี้จะทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 50 กม./ชม.(31 ไมล์/ชม.) และเราต้องทำความเร็วอย่างน้อย 30 กม./ชม.(18 ไมล์/ชม.) ถึงจะสามารถเปิดระบบได้
การทดสอบบนถนนจริงทำให้รู้ว่าใช้งานจริงได้ลำบาก
จากการเดินทางล่าสุดของ Automotive News ได้ทดสอบระบบการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 ของ Legend บนทางด่วนของประเทศญี่ปุ่น ได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจนัก
ในระหว่างการทดสอบกว่า 90 นาที การเข้าสู่ระบบช่วยเหลือดังกล่าวนั้นทำได้ยาก โดยสามารถใช้ระบบได้เพียงครั้งเดียวจากการทดสอบ และอยู่ในระบบได้ไม่นานก่อนความเร็วจะสูงกว่า 50 กม./ชม.
มากไปกว่านั้น ตัวระบบไม่สามารถใช้ได้ในทางโค้งมาก ๆ ได้ และรายงานของทางฮอนด้าแนะนำว่าผู้ขับขี่ไม่ควรรับประทานอาหารหรือกระทั่งสวมแว่นกันแดดในขณะอยู่ในระบบ
อยู่ตรงกลาง ทำให้ไม่ดีสักอย่าง
ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 3 เป็นพื้นที่ตรงกลางระหว่างการขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบเต็มระบบกับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 2 ที่ยังต้องการการควบคุมจากผู้ขับขี่อย่างต่อเนื่อง ทำหน้าที่เป็นระบบช่วยเหลือการขับขี่
เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 4 ระบบจะสามารถควบคุมรถได้เกือบทุกสถานการณ์ แม้ว่าผู้ขับขี่จะกลับมาควบคุมรถได้ทุกเมื่อ
แต่ในระดับที่ 3 นั้นเหมือนเป็นทางเลือกที่ไม่ครบวงจรเพราะไม่สามารถทำอะไรได้ดีเป็นพิเศษ ซึ่งการทดสอบดังกล่าวในญี่ปุ่นนั้นดูเหมือนสนับสนุนกับข้อสรุปนี้
คนญี่ปุ่นไม่มั่นใจ
ยอดขายของ Honda Legend สะท้อนถึงความไม่มั่นใจของคนญี่ปุ่นเช่นกัน Legend ที่มีระบบ Honda Sensing Elite ในระดับ 3 ถูกตั้งเป้าในการจำหน่าย 100 คัน แต่ได้จำหน่ายจริงไปเพียงประมาณ 80 คัน
ผู้ผลิตรถยนต์หรูรายอื่น ๆ เช่น Mercedes-Benz ที่ได้รับการอนุมัติจากนานาชาติสำหรับระบบระดับ 3 ของตัวเอง หรือ BMW ที่กำลังซุ่มพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 3 อยู่ กำลังจับตาดูความสำเร็จและความบกพร่องของระบบของฮอนด้าในญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด
อ่านเพิ่มเติม : รถยนต์หรือคนขับต้องรับผิดชอบ? หากระบบขับขี่อัตโนมัติ Honda Sensing Elite เกิดอุบัติเหตุ
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });