คุณจะพอใจหรือไม่ หากกำลังใช้หน้าจอ infotainment ของรถอยู่ แล้วมีโฆษณาเด้งขึ้นมาระหว่างกำลังอยู่ในระบบนำทาง?
ในไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ NIO ได้ถ่ายรูปหน้าจอ infotainment ในรถของเขา แสดงผลเหมือนเป็นโฆษณาป๊อบอัพ
ซึ่งบดบังหน้าจอในส่วนระบบนำทางไปเกือบครึ่งหนึ่ง และไม่สามารถใช้งานระบบนำทางได้
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
เนื้อหาของโฆษณานั้น เกี่ยวกับแบรนด์แฟชั่นแบรนด์ใหม่ มีแนวคิดในการรักษาสิ่งแวดล้อม ชื่อว่า Blue Skylab
ซึ่งอยู่ภายใต้ NIO Life ส่วนด้านไลฟ์สไตล์ของ NIO เอง ซึ่งได้เปิดตัวครั้งแรกใน Shanghai Fashion Week
หลังจากที่โพสท์นั้นถูกโพสท์ลงใน Weibo ก็ได้เกิดความคิดเห็นจากชาวจีนมากมาย
ในวันที่ 13 ตุลาคม ทาง NIO ได้ตอบกลับถึงประเด็นนี้ใน the Economic Review ว่า NIO จะไม่ใช้หน้าจอรถสำหรับธุรกิจโฆษณา
หลังจากนั้นไม่นาน ชาวเน็ตเจ้าของรถ NIO คันนั้นได้แก้โพสท์ของเขาว่า “นี่ไม่ใช่โฆษณาแบบป๊อบอัพ แต่เป็นโฆษณาที่อยู่ในแถบแจ้งเตือนและไปกดขึ้นมาเอง” แต่ต่อมาทาง NIO ก็ได้ลบตัวโฆษณานั้นออกไปเรียบร้อย
จากประเด็นนี้ สื่อจากจีนเลยตั้งคำถามว่า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่ ๆ จะใช้ระบบปฏิบัติการในรถยนต์ของตนเพื่อลงโฆษณานั้นเหมาะสมหรือไม่?
จากการรายงานของ Economic View ความคิดของชาวจีนไปในหลายทิศทาง ทั้งบางคนเชื่อว่านี่ไม่ใช่โฆษณาแบบบังคับ
โดยเราต้องคลิกไปตรงนั้นด้วยตัวเอง บางคนถามว่าทำไมรถที่ซื้อถึงมีโปรโมชั่นล่ะ? เราจะได้เงินจากค่าโฆษณาไหม?
ประเทศอื่นก็มีเหมือนกัน
เมื่อไม่นานมานี้ทาง Ford(ฟอร์ด) ได้จดสิทธิบัตรวิธีทำโฆษณาป๊อบอัพในรถยนต์ไป เรียกว่า “Billboard interface for vehicle displays”
เป็นลักษณะเหมือนเราขับรถบนทางด่วนและเห็นป้ายโฆษณา และจะมีแนะนำให้ เช่น มีโฆษณาเบอร์เกอร์ยี่ห้อหนึ่ง และจะมีแถบให้เราคลิกเพื่อให้ระบบนำทางพาเราไปได้
แต่ในอนาคตอาจเป็นไปได้
ฟังแล้วดูเหมือนว่าโฆษณาบนหน้าจอของรถอาจรบกวนการขับขี่และเกิดปัญหาด้านความปลอดภัย แต่ถ้าสมมติว่าในอนาคตระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS) ที่ถูกพัฒนามาในระดับที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ มายังระดับที่เราไม่ต้องจับพวงมาลัยแล้ว โฆษณาบนหน้าจอของรถก็อาจไม่รบกวนการขับขี่มากจนเกินไป
แต่ทุกวันนี้ในแพลทฟอร์มออนไลน์หรือไม่ก็ตาม ก็มีโฆษณาแทรกเข้ามามากพออยู่แล้ว จึงของดเว้นส่วนหน้าจอ infotainment ของรถไว้ดีกว่า
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });