แม้จะเคยมีข่าวลือว่าพวกเขามีการเตรียมตัวที่ยอดเยี่ยมเพื่อรับมือจากปัญหาชิปสำหรับการผลิตรถยนต์ขาดแคลน แต่ก็มีคำถามมาตลอดเช่นกันว่า ผู้นำตลาดโลกอย่าง Toyota (โตโยต้า) นั้นจะลอยตัวอยู่เหนือปัญหาไปได้ตอดจนจนปัญหานี้หรือไม่
เพราะหากดูจากความเดือดร้อนและการออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ของผู้บริหารโตโยต้านั้นถือว่า 'น้อยผิดปกติ' จนทำให้หลายคนคิดว่ายักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้าคงมีการเก็บสะสมชิปมาก่อน ทำให้พวกเขายังเดินหน้าต่อไปได้ตามแผนงานปกติ
แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น เพราะจากรายงานล่าสุด พบว่าโตโยต้าเองได้ประกาศลดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ทั่วโลกของตัวเองไปอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแม้ตัวเลขจะไม่มาก แต่ก็ถือเป็นการขยับตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกเกี่ยวกับเรื่องนี้
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
ลดเป้าหมายการผลิต 3 แสนคันในปีงบประมาณนี้
แม้จะไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการถึงสาเหตุที่แท้จริงของการลดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ในครั้งนี้ แต่การที่โตโยต้าออกมาประกาศเรื่องดังกล่าว ก็ย่อมแแสดงให้เห็นแล้วว่า ผลกระทบด้านการผลิตรถยนต์ของค่ายรถทั่วโลกนั้นหนักหนาแน่
โตโยต้าประกาศว่าพวกเขาจะลดการผลิตรถยนต์จากเป้าหมายเดิมลงอีก 3 แสนคันภายในปีงบประมาณนี้ นั่นก็หมายความว่า พวกเขามีแผนที่จะผลิตรถยนต์ลดลงเหลือ 9 ล้านคันทั่วโลก จากเป้าหมายเดิมที่วางเอาไว้ถึง 9.3 ล้านคัน เพื่อการรักษาแชมป์
ก่อนหน้านี้ พวกเขาเพิ่งประกาศลดกำลังการผลิตทั่วโลกในเดือนกันยายนถึง 3.6 แสนคัน แต่พวกเขาก็คาดว่าสถานการณ์จะเริ่มกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง โดยคาดว่าจะสามารถผลิตรถได้เกินกว่าเป้าหมายที่วางเอาไว้ 4 แสนคันในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้
และไม่ใช่นั่งรอให้ปัญหาผ่านพ้นไปด้วยตัวเอง แต่โตโยต้าประเมินว่าพวกเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับเรื่องชิปได้ในเร็ววันนี้ และอาจจะทำให้การผลิตทั้งหมดกลับสู่ภาะปกติได้ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า เพื่อให้เป็นไปตามแผนดังกล่าว
ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือการที่โตโยต้าระบุชัดเจนว่าแผนการลดการผลิตรถยนต์ของพวกเขาในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อผลกำไรจากการปฏิบัติการของบริษัท ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันว่า โตโยต้าจะสามารถรักษาเป้าหมายด้านอื่นไว้ได้อย่างไร
ไม่ใช่แค่เรื่องชิปขาดแคลนที่เป็นปัญหา
ฐานการผลิตหลายแห่งของโตโยต้า ได้รับผลกระทบเรื่องอื่นหลายต่อหลายเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขาดแคลนชิป ทำให้ต้องมีการปิดสายการผลิตเป็นบางครั้ง โดยเฉพาะผลกระทบจากโควิด-19 ที่ส่งผลต่อการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีรายงานความล่าช้าของซัพพลายเออร์ในหลายประเทศ ที่ทำให้การผลิตแบบตรงเวลา (Just-in-time) ของโตโยต้าได้รับผลกระทบเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นในมาเลเซียหรือเวียดนาม ซึ่งยังเป็นปัญหาที่โตโยต้าต้องเข้ามาจัดการแก้ไขปัญหา
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นพื้นที่หลักที่เกิดปัญหาด้านการผลิตจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการผลิตรถยนต์ของโตโยต้า และพวกเขาก็จะต้องทุ่มกำลังทั้งหมดในการจัดการปัญหาก่อนที่จะลุกลามไปมากกว่านี้
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });