ผู้บริหารระดับสูงของ BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ยืนยันไม่มีแผนการผลิตแบตเตอรี่เองจนกว่าเทคโนโลยีจะก้าวล้ำหน้ามากกว่านี้ ถึงแม้จะเพิ่งทำยอดขายสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2021 ก็ตาม
ปัจจุบัน ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีซึ่งเพิ่งประกาศอัตราส่วนผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าพึงพอใจที่ 9.5 – 10.5% ในปี 2021 ซื้อแบตเตอรี่จากหลายบริษัทอย่าง CATL, Samsung และ Northvolt แต่ยังไม่มีแผนงานก่อตั้งโรงงานแบตเตอรี่ของตนเอง
นิโคลัส ปีเตอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BMW กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนงานการจัดซื้อแบตเตอรี่ล่วงหน้าหลายปีแล้ว และยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งเปิดสายการผลิตแต่อย่างใด
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
เทคโนโลยียังไม่นิ่ง
“เราวางแผนการจัดซื้อชิ้นส่วนที่จำเป็นต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึง 2-3 ปีข้างหน้าแล้ว โดยมีการทำงานร่วมกับบริษัทพันธมิตรอย่างใกล้ชิด จึงไม่ต้องต้องเร่งเปิดสายการผลิตแบตเตอรี่ภายในองค์กร” ปีเตอร์ กล่าว
สาเหตุสำคัญที่ BMW ยังไม่ทุ่มงบประมาณก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่เนื่องจากมองว่าเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกยังไม่นิ่งและมีวิวัฒนาการที่ต้องจับตามองอย่างต่อเนื่อง
“เรายังไม่ถึงจุดที่เราสามารถพูดได้ว่าเทคโนโลยีนี้จะมีความมั่นคงในระยะยาวอีก 10 – 15 ปีข้างหน้า ดังนั้น การทุ่มงบประมาณไปกับบริษัทหุ้นส่วนในการพัฒนาแบตเตอรี่ดูจะมีความสำคัญมากกว่า” ปีเตอร์ เปิดเผยเพิ่มเติม
แนวทางของ BMW แตกต่างจากคู่แข่งร่วมชาติอย่าง Volkswagen และ Daimler ที่มีการลงทุนถือหุ้นกับบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่
Daimler ถือหุ้น 33% ในบริษัท Automotive Cells Company ที่เพิ่งประกาศสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ถึง 8 แห่ง ขณะที่ Volkswagen วงแผนสร้างโรงงานแบตเตอรี่ร่วมกับ Gotion High-Tech และ Northvolt จากจีน ซึ่งพวกเขาถือหุ้น 20%
มั่นใจในแนวทางของตนเอง
สำนักข่าว Reuters รายงานว่าราคาหุ้นของ BMW พุ่งสูงเป็นสถิติใหม่อยู่ที่ 99.3 ยูโร หลังจากประกาศผลประกอบการด้านยอดขายที่ยอดเยี่ยมอยู่ที่ 2.21 ล้านคันในปี 2021 พวกเขาสามารถโค่นคู่แข่งตลอดกาลอย่าง Daimler ซึ่งทำยอดขายที่ 2.05 ล้านคัน หล่นลงจากบัลลังก์ผู้นำตลาดรถพรีเมียมได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี
กระนั้น โอวา คัลเลนเนียส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Daimler เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า การไล่ล่าตัวเลขยอดขายไม่ใช่เป้าหมายของเขา แต่ความสำคัญอันดับแรกคือการเพิ่มสัดส่วนผลกำไรจากยอดขายที่ทำได้
ด้าน BMW พยายามเพิ่มตัวเลขยอดขายท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนชิปส์เซมิกคอนดักเตอร์ ซึ่งปีเตอร์มองว่าการเปลี่ยนผ่านจากรถเครื่องยนต์สันดาปไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นรวดเร็วกว่าที่คาด ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });