- เมื่อก่อนฟาสท์ชาร์จยังไม่แพร่หลาย
- Better Place เป็นผู้บุกเบิกแนวคิดการสลับแบตเตอรี่
- แต่จีนทำให้การสลับแบตเตอรี่เป็นที่นิยม
- การสลับแบตเตอรี่ไม่กลายเป็นมาตรฐานทั่วโลกเพราะเหตุผลด้านความซับซ้อนของแบตเตอรี่
- แต่การสลับแบตเตอรี่จะไม่ถึงจุดจบ เพราะเหมาะกับการใช้งานบางประเภท
ในวันที่ระบบฟาสท์ชาร์จยังไม่แพร่หลายนัก วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในขณะนั้นคือ การสลับแบตเตอรี่ เพื่อให้ความรวดเร็วของการเติมพลังงานเทียบเท่ากับน้ำมัน แต่ในทุกวันนี้ที่ระบบฟาสท์ชาร์จนั้นแพร่หลาย การสลับแบตเตอรี่นั้นยังดีอยู่หรือเปล่า
เมื่อก่อนฟาสท์ชาร์จยังไม่แพร่หลาย
ลองย้อนกลับไปในวันที่ Nissan Leaf ในรุ่นแรกที่มีความจุแบตเตอรี่เพียงสามารถขับข้ามจังหวัดได้อย่างหวุดหวิด โดยสามารถขับได้เพียง 113 กม. ต่อหนึ่งการชาร์จ
นอกจากปัญหาเรื่องความจุแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องสถานีที่รองรับการชาร์จเร็ว (fast charging-ฟาสท์ชาร์จ) ถ้าชาร์จแบบปกติจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง นอกจากนี้ สถานีชาร์จยังไม่มีมากนัก ทำให้ไอเดียของการสลับแบตเตอรี่ได้ถือกำเนิดขึ้น
การสลับแบตเตอรี่ช่วยลดระยะเวลาชาร์จ
การสลับแบตเตอรี่ คือการสลับเอาแบตเตอรี่ที่ใกล้หมดของเราสลับกับแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มแล้ว ในเวลาไม่กี่นาที นอกจากนี้จะเป็นการลดราคาขายของรถยนต์ไฟฟ้าลงด้วย เพราะไม่ต้องคิดค่าแบตเตอรี่
แต่เจ้าของรถจะต้องจ่ายค่าบริการรายเดิอนหรือรายปีสำหรับบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นที่มาของแนวคิด “battery-as-a-service” โดยบริษัท Better Place เป็นผู้บุกเบิกแนวคิดนี้ขึ้นมา แต่ยังไม่ได้รับความนิยมนักในขณะนั้น
เริ่มมานาน แต่ยังไม่นิยม
Better Place ร่วมมือกันกับ Renault ค่ายรถจากฝรั่งเศสเพื่อทำแนวคิดนี้ในอิสราเอลและเดนมาร์คแต่ก็ไม่สำเร็จเท่าที่ควร นอกจากการสร้างสถานีสลับแบตเตอรี่จะมีค่าใช้จ่ายมหาศาลแล้ว (2 ล้านเหรียญต่อสถานี) แต่ทาง Better Place ล้มเหลวที่จะร่วมมือกับผู้ผลิตรายอื่น ๆ ทำให้ในปี 2012 ทางบริษัทไม่สามารถชำระหนี้ได้และล้มละลายในปีถัดมา
เทคโนโลยีการสลับแบตเตอรี่ก็ถูกประกาศว่าเป็นเทคโนโลยีที่ล้มเหลวในศตวรรษที่ 21 แต่ไม่ใช่ก่อนที่ Tesla (เทสล่า) จะลองใช้วิธีสลับแบตเตอรี่สำหรับ Tesla Model S ในอีก 1 ปีถัดมา(และยกเลิกไป)
เริ่มนิยมสลับแบตเตอรี่หลังจีนเอามาใช้
ในวันนี้วิธีการสลับแบตเตอรี่ยังเป็นหนึ่งในทางเลือกที่มีอยู่สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ ในขณะที่การชาร์จเร็วกลายเป็นสิ่งปกติทั่วไปของซีกโลกตะวันตก บริษัทจากจีนอย่าง Geely และ NIO ยังยืนยันจะใช้วิธีการสลับแบตเตอรี่อยู่
ซึ่งทั้งสองบริษัทยังคงขยายโครงข่ายสถานีสลับแบตเตอรี่กันอย่างต่อเนื่อง และสามารถสลับแบตเตอรี่ในระยะเวลาน้อยกว่า 1 นาที โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องลงจากรถ
นี่คือการแก้ปัญหาอย่างตรงจุดสำหรับเจ้าของรถอีวีอย่างแท้จริง ซึ่งเร็วและสะดวกกว่าการเติมน้ำมันของรถเครื่องยนต์สันดาปเสียอีก โดย NIO เพิ่งประกาศไปเมื่อไม่นานมานี้ว่าได้สลับแบตเตอรี่กว่า 4 ล้านครั้ง ซึ่งการสลับแบตเตอรี่ก็ดูเป็นวิธีที่ดี แต่...
อ่านเพิ่มเติม : Nio เล็งสร้างจุดเปลี่ยนแบตเตอรี่รถไฟฟ้า 4,000 แห่งทั่วโลก แต่ดีกว่าชาร์จไฟปกติจริงหรือ?
วิธีดี แต่ทำไมไม่ทำให้เหมือนกันทั้งโลก?
แต่ก่อนหน้านี้เราเอ่ยถึงการที่เทสล่าถอดใจไม่ยอมใช้วิธีการสลับแบตเตอรี่ในปี 2013 เหตุผลของการตัดสินใจนี้ไม่ได้มีแค่ผู้คนไม่สนใจในการสลับแบตเตอรี่เท่านั้น แต่มีเหตุผลอื่นด้วย
ความซับซ้อนของแบตเตอรี่
หนึ่งในเหตุผลที่สำคัญอาจเป็นในด้านเทคนิคของรถอีวีในสมัยปัจจุบันที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน แบตเตอรี่ดังกล่าวเป็นส่วนประกอบที่ซับซ้อนที่สุดของรถยนต์ไฟฟ้า และมักเป็นส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างหลักของรถอีวี
โดยปกติแล้วจะมีระบบจัดการอุณหภูมิเพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่ร้อนเกินไปจากการใช้งานที่ต่อเนื่องหรือทำให้อุ่นก่อนการเสียบฟาสท์ชาร์จเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ต้องมีท่อน้ำเข้าและออกจากตัวก้อนแบตเตอรี่ ทำให้เห็นว่าการสลับเปลี่ยนแบตเตอรี่อาจไม่เหมาะกับกรณีนี้
ยากที่ผู้ผลิตรถจะคิดแบบเดียวกัน
นอกจากนี้ การทำแบตเตอรี่สำหรับใช้ในการสลับแบตเตอรี่หมายถึงการทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ซึ่งจะยากสำหรับผู้ผลิตรถยนต์อื่น ๆ ที่ต้องเปลี่ยนมาเป็นแบบเดียวกัน และเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ผลิตรถทุกคนจะคิดแบบเดียวกัน
เพราะจะเป็นการปิดกั้นทางเลือกสำหรับผู้ผลิตรถ ทำให้รถต้องมีการออกแบบที่เรียบง่าย มีสมรรถนะกลาง ๆ และมีอายุของแบตเตอรี่ที่ไม่มากนัก เนื่องจากระบบหล่อเย็นไม่สามารถทำงานได้ดี
รถอีวีเดี๋ยวนี้วิ่งได้ไกลแล้ว
และอีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญเลยก็คือ ระยะทางที่รถอีวีสมัยนี้สามารถขับได้ต่อหนึ่งชาร์จ เพราะรถอีวีสมัยนี้ขับได้มากกว่า 480 กม.ไปแล้ว Lucid Air สามารถขับได้สูงสุดประมาณ 837 กม.ในมาตรฐาน EPA ไปเรียบร้อย
ในระยะเท่านี้นั้นมากกว่าที่คนหนึ่งคนจะขับได้โดยไม่ต้องหยุดพัก อย่างไรก็ต้องมีจอดแวะพักเพื่อหาเครืองดื่มกันก่อน และถ้าเกิดทำในสถานีฟาสท์ชาร์จ ในเวลาเพียง 20 นาทีก็เพียงพอที่จะเดินทางต่อไปยังจุดหมายของคุณแล้ว
ในกรณีของ Lucid Air ฟาสท์ชาร์จเพียง 20 นาทีก็สามารถขับต่อได้อีก 480 กม. แล้ว
วิธีสลับแบตเตอรี่อาจไม่เหมาะกับรถส่วนบุคคลทั่วไป
ซึ่งความสะดวกสบายของสถานีฟาสท์ชาร์จเหล่านี้ทำให้การใช้งานสถานีสลับแบตเตอรี่ดูซับซ้อนไปเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวิธีการสลับแบตเตอรี่จะถึงจุดจบซะทีเดียว ยังมีโอกาสของผู้ให้บริการให้เช่ารถอีวี(เช่น Haup Car) หรือรถอีวีเพื่อการพาณิชย์ ที่ต้องพร้อมใช้งานตลอดเวลา
อ่านเพิ่มเติม : NIO จับมือ Shell สร้างสถานีสลับแบตเตอรี่ ทั้งในประเทศจีนและยุโรป