เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการประชุมให้อนุมัติร่างกฎกระทรวงว่าด้วยรถรับจ้างบรรทุกผู้โดยสารไม่เกินเจ็ดคน ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ จะทำให้สามารถนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาจดทะเบียนเปลี่ยนประเภทเป็นรถยนต์รับจ้าง
โดยการรับจ้างผ่านแอปพลิเคชั่น เพื่อให้เป็นทางเลือกสำหรับประชาชนในการให้บริการ และเพิ่มรายได้ ซึ่งขั้นตอนหลังจากที่อนุมัติแล้ว จะมีการประกาศกฎกระทรวงและจะมีผลบังคับใช้หลังจากนั้นภายใน 30 วัน
ในการดำเนินการ จะใช้เป็นป้ายทะเบียนรถยนต์ส่วนบุคคลเดิม(ป้ายดำ) โดยเปลี่ยนประเถทการจดทะเบียนเป็นรถยนต์รับจ้าง ซึ่งตัวรถจะต้องมีอายุใช้งานไม่เกิน 9 ปี แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
จะเป็นตัวถึงแบบ รถเก๋ง, แวน สองตอน หรือสามตอนก็ได้ โดยจะต้องทำประกันภัยคุ้มครองงผู้โดยสาร และติดเครื่องหมายแสดงการใช้แอปพลิเคชันด้วย
ในส่วนของคนขับรถ จะต้องมีใบขับขี่สาธารณะ และผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และใช้แอปพลิเคชันของผู้ให้บริการที่ผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งแล้ว
ส่วนอัตราค่าโดยสารจะแบ่งเป็น รถขนาดเล็ก, กลาง มีค่าโดยสารไม่เกินอัตราของรถแท็กซี่ในปัจจุบัน ด้านรถขนาดใหญ่ มีค่าโดยสารไม่เกินอัตราของรถแท็กซี่ VIP สามารถมีค่าบริการเพิ่มเติมได้ แต่ต้องไม่เกิน 200 บาท โดยจะกำหนดออกมาภายหลัง
สำหรับตัวแอปเอง แอปของผู้ขับรถ จะต้องมีระบบยืนยันตัวตน เช่น Pin Code, Fingerprint, Face Scan เป็นต้น อีกทั้งมีระบบคํานวณเส้นทาง, ระยะเวลา และค่าโดยสารโดยประมาณ มีระบบรับส่งข้อความ/โทรศัพท์กับผู้โดยสาร
ส่วนของผู้โดยสาร จะมีระบบลงทะเบียน, ระบบเรียกใช้งานรถยนต์รับจ้างแบบทันทีและแบบจองล่วงหน้า รวมถึงมีคํานวณเส้นทาง, ระยะเวลา, ค่าโดยสารโดยประมาณ, ประเมินความพึงพอใจ และแจ้งเหตุฉุกเฉิน
อย่างที่ทราบกันดี ว่าบ้านเราเคยมีปัญหาแท็กซี่ออกมาร้องเรียนเรื่องการแย่งลูกค้าจากบริการแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ที่ทำให้ลดรายได้ หาลูกค้ายากขึ้น
อันที่จริงแล้วในปี 2561 ได้มีบริการแอปเรียกแท็กซี่พร้อม GPS, กล้องภายในรถ และปุ่มฉุกเฉิน คือ “Taxi OK” ที่เข็นออกมาโดยกรมการขนส่งเอง มีการบังคับให้แท็กซี่ลงทะเบียน ซึ่งบางกลุ่มมองว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดี ช่วยเพิ่มรายได้และลูกค้าให้กับแท็กซี่
แต่ในการใช้งานจริง ไม่ได้ช่วยเพิ่มผู้โดยสารมาก แถมเพิ่มภาระ ทั้งการลงทะเบียน, ติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม, ภาษีหรือประกันที่เพิ่มขึ้น, ค่า GPS รายเดือน, อีกทั้งบางครั้งผู้โดยสารยังกดเล่น ทำให้ไม่ได้ช่วยเหลือมากเท่าไร
ค่าอุปกรณ์รวม ๆ แล้วเกือบ 30,000 บาทต่อคัน GPS รายเดือนอีก 300-500 บาท และปัจจุบัน ประกันรถยนต์รับจ้างสาธารณะแท็กซี่ประเภท 3+พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัย สูงถึง 17,000 บาทต่อปี
อีกประเด็นสำคัญคือ ดอกเบี้ยในการซื้อรถแท็กซี่นั้นสูงกว่ารถส่วนบุคคลทั่วไป โดยมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 4-5% ขึ้นไปต่อคัน แต่รถส่วนบุคคลนั้นจะอยู่ที่ 0-3% เท่านั้น คนที่มีรถอยู่แล้ว หรือจะออกรถใหม่จึงถูกกว่าแท็กซี่ใหม่อยู่มาก
จริง ๆ แล้วการจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนนั้นเป็นเรื่องดี แต่อาจจะต้องคำนึงถึงแท็กซี่ที่วิ่งกันแบบถูกกฎหมายในปัจจุบัน เนื่องจาก Covid-19 ก็ทำให้มีลูกค้าน้อยลงอยู่แล้ว อาจจะต้องมีการช่วยกลุ่มเหล่านี้มากขึ้น หรือพัฒนา Taxi OK ที่มีอยู่แล้วให้ดีกว่าเดิม
ในมุมมองของผู้โดยสารอย่างเราเอง ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี เป็นการเพิ่มความหลากหลายในการให้บริการ ปลอดภัยมากขึ้น มีการยืนยันตัวผู้ขับ และลดการโดนโกงมิเตอร์
ก็ต้องดูกันต่อ ว่าถ้ากฎหมายนี้ออกมาจริง จะมีคนออกรถมาเพื่อเข้าร่วมบริการนี้มากขึ้นหรือไม่ จะเพิ่มการติดขัดจราจรหรือเปล่า และจะมีปัญหากับพี่แท็กซี่แบบเดิมที่เคยเป็นไหม
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}