Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ตกเป็นข่าวว่าเตรียมหยิบยืมเทคโนโลยี Blade Battery ของ BYD มาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าของตนเอง
สำนักข่าว CBEA ของจีนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า รถยนต์รุ่นแรกของ Mercedes-Benz ที่จะใช้แบตเตอรี่ของ BYD คือ All-New CLA รุ่นใหม่ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม 800V MMA แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในจีนเท่านั้นหรือในต่างประเทศด้วย
ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา สำนักข่าว CBEA รายงานด้วยว่าค่ายรถยักษ์เยอรมันจะเริ่มต้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ของค่ายรถจีนภายในปี 2025
ทั้งนี้ CBEA เป็นสำนักข่าวในเครือของสถาบันวิจัยแบตเตอรี่ยานยนต์แห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และมีบริษัทเอกชนหลายรายถือหุ้น ไม่ว่าจะเป็น SAIC, Dongfeng, Changan และ CATL
Mercedes-Benz เผยโฉม CLA รุ่นต้นแบบที่งานมิวนิค มอเตอร์โชว์ โดยจะมาพร้อมระยะทางขับขี่ 750 กม.ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน WLTP) เตรียมออกจำหน่ายภายในปี 2025 และจะเป็นคู่แข่งสำคัญของ Tesla Model 3
Mercedes-Benz มีประสบการณ์ทำงานร่วมกับ BYD มานานหลายปีแล้ว โดยในปี 2010 ทั้งสองบริษัทจับมือกันก่อตั้ง Denza โดยแบ่งกันถือหุ้นสัดส่วนเท่ากันที่ 50:50 ก่อนที่ฝ่ายแรกจะขอถอนตัวออกมาในเดือนธันวาคม 2021 ด้วยการลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือเพียง 10%
เมื่อ BYD ได้บริหาร Denza เต็มตัวก็สามารถเดินหน้าสร้างผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว และภายในปีครึ่ง พวกเขาก็เปิดตัวรถอีวีรุ่นใหม่ 3 โมเดล ได้แก่ D9, N7 และ N8 พร้อมทำยอดขายได้ถึง 11,146 คันในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ปัจจุบัน Mercedes-Benz ใช้แบตเตอรี่ NMC ในรถยนต์ไฟฟ้าของตนเอง คุณสมบัติเด่นของแบตเตอรี่ประเภทนี้คือมีความหนาแน่นของพลังงานที่สูงกว่าแบตเตอรี่ LFP แต่จุดด้อยคือมีต้นทุนที่สูงกว่ามาก
หลายค่ายรถหันมาใช้แบตเตอรี่ LFP ซึ่งทำให้ควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น Tesla (ซึ่งใช้แบตเตอรี่ของ BYD) และค่ายรถจีนส่วนใหญ่
ทั้งนี้ Tesla ไม่ใช่รายเดียวที่ใช้แบตเตอรี่ของ BYD แต่ยังรวมถึง Toyota ที่ใช้ใน bZ3 รวมถึง Kia EV5 และรถอีวีของแบรนด์ Lincoln อีกด้วย
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}