GWM เล็งเปิดสายการผลิตในไทยปี 2564 พร้อมผลิตรถหลายรูปแบบลุยอาเซียน

Great Wall Motors (เกรท วอลล์ มอเตอร์ส) หรือ GWM ประกาศความคืบหน้าแผนการเปิดสายการผลิตในประเทศไทยปี 2564 พร้อมเจรจาสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) หารือการพัฒนาให้สอดคล้องเป้าหมายหลักของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่

ความคืบหน้าของ GWM หลังเข้าซื้อโรงงานผลิตรถยนต์ของ General Motors Thailand (เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศไทย) ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่าพวกเขาจะเปิดสายการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยเมื่อใด มีแค่การคาดการณ์ว่าแผนงานทั้งหมดจะเริ่มต้นในปี 2564 เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทีมงานของ GWM ได้เข้าหารือกับทีมงานของ ECC และมีการยืนยันออกมาแล้วว่าการลงทุนของบริษัทในพื้นที่ดังกล่าว จะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ได้รับการส่งเสริม ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ในเรื่องของการเพิ่มสัดส่วนยานยนต์ไฟฟ้า

ยืนยันเปิดสายการผลิต 2564 พร้อมรถหลากหลายรูปแบบ 

จาง เจียหมิง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ส ภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยความคืบหน้าว่าหลังจากที่บริษัทได้เข้าซื้อโรงงานประกอบรถยนต์ของจีเอ็ม ประเทศไทยไปก่อนหน้านี้ ปัจจุบัน GWM อยู่ระหว่างการพูดคุยกับทาง GM เกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ ของโรงงานที่จังหวัดระยอง ซึ่งคาดว่าจะเสร็จภายในปีนี้ 

จากนั้น ก็คาดว่าจะเริ่มเดินสายการผลิตรถยนต์ของ GWM ภายในต้นปี2564 โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายที่จะให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตของเกรท วอลล์ มอเตอร์ส ในภูมิภาคอาเซียน โดยโมเดลที่จะผลิตในประเทศไทยจะมีทั้งรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงการพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติในอนาคต

"บริษัทจะพยายามใช้ชิ้นส่วนในประเทศไทยในการผลิตรถยนต์ให้มากที่สุด และพร้อมที่จะร่วมมือกับผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าภายประเทศ ในการจัดหาชิ้นส่วนให้กับบริษัทในอนาคต สำหรับชิ้นส่วนที่เป็นเทคโนโลยีหลักที่ประเทศไทยยังไม่สามารถผลิตได้ ก็มีแผนที่จะแนะนำบริษัทลูกให้มาตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย"

เน้นการพัฒนาโครงสร้างชิ้นส่วนและบุคลากร

จางระบุถึงชิ้นส่วนสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่อาจจะแนะนำให้บริษัทลูกเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย อาทิ ชิ้นส่วนแบตเตอรี่ไฟฟ้า และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งการดึงบริษัทลูกเข้ามาเปิดสายการผลิต เป็นการแสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการพัฒนาการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ GWM จะยังให้ความสำคัญกับการพัฒนบุคลากรโดยบริษัทแม่ในประเทศจีนจะมีการจัดตั้งศูนย์อบรม (Training Center) เพื่อพัฒนาบุคลากรของบริษัทสำหรับประเทศไทย เพื่อรองรับการพัฒนายานยนต์สมัยใหม่ เนื่องจากองค์ความรู้ของยานยนต์ปัจจุบันและยานยนต์ไฟฟ้าจะแตกต่างกันค่อนข้างมาก 

สำหรับ เกรท วอลล์ มอเตอร์ส นั้น นอกจากจะทำธุรกิจยานยนต์และชิ้นส่วนเพื่อการประกอบแล้ว บริษัทยังมีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสมาร์ท ซิตี้ โดยต่อยอดจากความเชี่ยวชาญของบริษัท ในเรื่องการขนส่งที่ชาญฉลาด ยกตัวอย่างเช่นการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ในหลายเมือง อาทิ เมืองฉงชิ่งและเมืองเจ้อเจียง เป็นต้น

สินค้าตัวไหนที่ยังอยู่ในแผนงานบ้าง

แม้เกรท วอลล์ มอเตอร์ส จะเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยด้วยชื่อของ GWM แต่บริษัทแรกที่มีการจดทะเบียนสำหรับการขายอย่างเป็นทางการก็คือ บริษัท ฮาวาล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าแบรนด์ฮาวาล จะเป็นแบรนด์แรกที่ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างแน่นอน

และโมเดลที่น่าจะได้เข้ามาก็คงหนีไม่พ้นเอสยูวีรุ่นยอดนิยมที่เพิ่งปรับโฉมไปในประเทศจีนอย่าง Haval H6 (ฮาวาล เอช6) เอสยูวียอดนิยมตลอดกาลในประเทศจีนและของฮาวาลเอง จากนั้นก็น่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อ ORA (โออาร์เอ) ที่เริ่มส่งสินค้าใหม่ออกมาปรากฎตัวอย่างต่อเนื่องในท้องตลาด

รูปแบบการบริหารงานของ GMW ไม่น่าจะแตกต่างจาก MG (เอ็มจี) แบรนด์รถยนต์ที่มีบริษัทแม่จากประเทศจีนเหมือนกัน คือมีการตั้งบริษัทเพื่อบริหารโรงงาน สายการผลิตและตลาดส่งออก ขณะเดียวกัน ก็จะมีบริษัทที่ทำหน้าที่ดูแลด้านการจำหน่ายและการให้บริการในประเทศ ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนเร็ว ๆ นี้