กบง. ทบทวนมาตรการลดค่าครองชีพ คาดดีเซลปรับราคาลง พร้อมคุมแอลพีจีอีก 3 เดือน

คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบทบทวนมาตราการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดของ Covid-19 ในการประชุมเดือนล่าสุด พิจารณาออกมาตรการบรรเทาผลกระทบภาคพลังงานทั้งระบบให้เป็นรูปธรรม เพื่อช่วยลดภาระของผู้บริโภคในช่วงเศรษฐกิจขาลงในปัจจุบัน

การประชุมดังกล่าวนั้นมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่บางส่วน โดยไฮไลท์ที่การปรับหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็วใหม่ รวมทั้งให้ขยายเวลามาตรการช่วยเหลือราคาก๊าซ LPG ออกไปจนสิ้นปี 63 ซึ่งจะส่งผลให้ราคาจำหน่ายของเชื้อเพลิงกลุ่มนี้ไม่เพิ่มภาระให้กับประชาชน

หนึ่งในเรื่องที่สำคัญก็คือการทบทวนการกำหนดราคาก๊าซธรรมชาติ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ไปกำหนดอัตราค่าบริการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ  และทบทวนค่าบริการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ ให้เหมาะสม 

นอกจากนี้ ยังได้มอบหมาย กกพ. ให้ทบทวนต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติ ในโครงสร้างราคาขายปลีกก๊าซ NGV ให้มีความเหมาะสม สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน

ปรับเกณฑ์คำนวนราคาดีเซลหนุน B10

ที่ประชุมยังได้เห็นชอบการปรับหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็ว จากนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 10 เป็นน้ำมันดีเซลเกรดพื้นฐานของประเทศ กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ได้ปรับเปลี่ยนชื่อเรียกน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็ว โดยมีน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา (บี7) และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 20 เป็นทางเลือก 

และจะมีการปรับหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 7 ในส่วนของค่า X จากเดิมเป็นค่าเฉลี่ย เป็นอัตราต่ำ ซึ่งจะทำให้การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 7 ลดลงประมาณ 0.051 บาทต่อลิตร (ณ ราคาไบโอดีเซล 25.90 บาทต่อลิตร) 

มาตรการดังกล่าวที่เกิดขึ้นนี้ จะช่วยเป็นช่องทางในการจูงใจให้ผู้ค้าน้ำมันเพิ่มสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลบี 10 ในการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกิน และช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มอีกทาง ตามนโยบายที่ภาครัฐบาลต้องการสนับสนุนอีกด้วย

คงราคา LPG ต่อเนื่องถึงสิ้นปีนี้

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้ทบทวนการกำหนดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ด้วยการให้คงราคาขายปลีก LPG ออกไปอีก 3 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2563) โดยให้ราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น LPG ซึ่งไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 14.3758 บาทต่อกิโลกรัม หรือราคาขายปลีกอยู่ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม 

มาตรการนี้จะใช้กองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของ LPG มาบริหาร (รายจ่ายประมาณ 450 ล้านบาท/เดือน) ซึ่งเป็นไปตามกรอบวงเงินที่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) กำหนดให้ใช้ได้ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท หรืออีกประมาณ 5 เดือน (ตุลาคม 2563 - มกราคม 2564) ณ 13 กันยายน 2563 บัญชีก๊าซ LPG -7,424 ล้านบาท เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน