สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ตลาดรถยนต์เมืองจีนกำลังวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วมุ่งสู่อนาคตของรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้แบรนด์ระดับโลกถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
สำนักข่าว Reuters รายงานว่างาน 2023 เซี่ยงไฮ้ ออโต้โชว์เปิดฉากขึ้นและสิ้นสุดลงพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกโฉมของอุตสาหกรรมยานยนต์จีนเมื่อเทียบกับในปี 2021 ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดก็คือค่ายรถสัญชาติจีนกำลังครองตำแหน่งผู้นำตลาดหลายเซกเมนท์ ด้วยการใช้กลยุทธ์เดินหน้านำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว
BYD สู่ผู้นำตลาดโลก
ค่ายรถที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือ BYD ซึ่งใช้เวทีเซี่ยงไฮ้เปิดตัวรถแฮทช์แบ็กอีวีรุ่นใหม่อย่าง BYD Dolphin ตอบโจทย์ผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาเอื้อมถึงได้ง่าย โดยในปีนี้ ยอดขายรถยนต์ BYD เพิ่มขึ้นเกือบ 69% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ครองส่วนแบ่งตลาด 11% มากกว่า Volkswagen หรือ Toyota
บิล รัสโซ่ ผู้ก่อตั้งสถาบันวิจัยตลาด Automobility กล่าวว่า ช่องว่างระหว่างผู้นำและผู้ตามในตลาดจีนเริ่มเห็นชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ตลาดรถยนต์จีนกำลังมีผู้ชนะน้อยลง และมีผู้แพ้เพิ่มมากขึ้น” รัสโซ่กล่าว
ตลาดรถยนต์นั่งในจีนปรับตัวลดลง 13% ในไตรมาสแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทำให้แบรนด์เก่าแก่อย่าง Volkswagen, General Motors และ Honda ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วง แต่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริดที่ BYD เน้นทำตลาดนั้นมียอดขายเพิ่มขึ้น 22%
สถานการณ์ตลาดรถยนต์เช่นนี้ทำให้กว่า 40 ค่ายรถยนต์ตัดสินใจปรับลดราคาจำหน่ายอันเป็นการเดินตามกลยุทธ์ของ Tesla ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา
ตลอดหลายทศวรรษ ตลาดรถยนต์นั่งราคาประหยัดในจีนถูกครอบครองด้วยเครื่องยนต์สันดาปที่ผลิตโดยบริษัทร่วมทุนต่างชาติที่จับมือกับบริษัทจีน แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รถเครื่องยนต์สันดาปมียอดขายลดลงเนื่องจากถูกรถยนต์ไฟฟ้าและรถปลั๊กอินไฮบริดเข้ามาแทนที่ ส่วนหนึ่งมาจากนโยบายการผลักดันยานยนต์ที่รัฐบาลจีนเรียกว่า “พลังงานใหม่”
รถยนต์รุ่นเริ่มต้นอย่าง BYD Song ใช้ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 20,000 เหรียญสหรัฐหรือ 6-7 แสนบาทเท่านั้น มียอดขายแซงหน้า Nissan Sylphy ซึ่งเคยเป็นรถยอดขายอันดับหนึ่งมา 3 ปีติดต่อกัน
ขณะเดียวกัน BYD Dolphin ที่มีค่าตัวถูกยิ่งกว่าที่ 17,000 เหรียญสหรัฐก็ทำยอดจองนำหน้า Volkswagen Passat
ปัจจุบัน BYD ครองตลาดรถปลั๊กอินไฮบริดซึ่งมียอดขายคิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมดของ BYD
ขณะเดียวกัน การส่งออกรถยนต์จากจีนก็กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด แน่นอนว่านำโดย BYD ที่กำลังรุกตลาดยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างหนักหน่วง พวกเขาสามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 13 เท่าตัว
นั่นทำให้ BYD กลายเป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริงสำหรับค่ายรถเก่าแก่ที่กำลังสูญเสียที่มั่นในจีนและตลาดโลก