BYD ทำกำไรเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าตัว ทุบสถิติสูงเป็นประวัติการณ์

เผย BYD (บีวายดี) สามารถทำผลกำไรในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 204.7% ทุบสถิติใหม่และครองตำแหน่งผู้นำตลาดแบรนด์รถยนต์จากจีน

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า BYD สามารถทำกำไรสุทธิในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ได้ที่ 1 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้นถึง 204.7% เมื่อเทียบกับ 3.6 พันล้านหยวนในปีที่แล้ว ขณะที่รายได้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 2.6 แสนล้านหยวน ขยายตัวถึง 72.7%

สำหรับผลกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมานั้นอยู่ที่ 6.8 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 144.7% ซึ่งน้อยกว่าการเติบโตในไตรมาสแรก

รายงานข่าวระบุว่าการทำรายได้และมีสัดส่วนผลกำไรที่สูงมากทำให้ BYD ซึ่งมีกลุ่มทุน Berkshire Hathaway ของมหาเศรษฐีวอร์เรน บัฟเฟตหนุนหลังอยู่นั้นกลายเป็นผู้นำตลาดรถยนต์เมืองจีนอย่างเต็มตัว ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้นสวนทางกับความต้องการซื้อที่ลดลง

ยอดขายกระฉูด

สำนักข่าว Reuters รายงานว่าผลงานที่ยอดเยี่ยมของ BYD มาจากผลิตภัณฑ์ตระกูล Dynasty และ Ocean ที่มีทั้งรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า โดยในเดือนกรกฎาคมสามารถทำยอดขายได้สูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้ไตรมาสที่สองทำตัวเลขรวมทั้งหมดอยู่ที่ 700,244 คัน

แต่การสร้างผลกำไรไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากหลายค่ายรถพร้อมใจกันหั่นราคาค่าตัวลดลง อันเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามราคาที่จุดระเบิดโดย Tesla

นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา BYD เปิดตัวรถยนต์เวอร์ชั่นใหม่หลายโมเดล พร้อมปรับลดราคาลง 4 – 25%  

ขณะเดียวกัน BYD ยังทำการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ โดยมีการตั้งโชว์รูมในสิงคโปร์และออสเตรเลีย โดยยอดขายรถอีวี 612,425 คันในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ มีทั้งหมด 10% ที่ถูกส่งออกไปต่างแดน

ขณะที่ Tesla ทำยอดขายทั่วโลกในช่วงเวลาเดียวกันได้ที่ 889,015 คัน และมีสัดส่วนผลกำไรลดลง แต่ในทางกลับกัน BYD กลับมีสัดส่วนผลกำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 17.86% ในไตรมาสแรกของปีนี้ไปอยู่ที่ 18.73% ในไตรมาสที่สอง