กลุ่ม GM ลงทุนเงิน 16 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปกับเครื่องยนต์ V8 ที่มั่นหมายจะใช้ในรถ Cadillac CT6 แต่กลับทิ้งเงินลงทุนไปทั้งหมด ทั้งที่ขายได้ 800 คันเท่านั้น เพราะอะไรกัน มาย้อนดูประวัติการพัฒนาที่นี่
เริ่มใน CT6
เรื่องเริ่มต้นจาก Cadillac CT6 รถรุ่นหรูสุดขีดของกลุ่ม GM ที่เปิดตัวในปี 2016 ที่มุ่งเป้าไปแข่งกับรถหรูจากเยอรมนี ระดับเดียวกับ Mercedes-Benz S-Class โดยมียอดขายในตอนแรกเริ่มไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก เพราะตัวเลือกเครื่องยนต์มีแค่ 4 สูบ 2.0 ลิตร กับ 6 สูบความจุ 3.0 และ 3.6 ลิตรเท่านั้น ซึ่งยังไม่เพียงพอกับการลากน้ำหนักรถเกือบ 2 ตันให้พุ่งทันใจ
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
สเปคเครื่อง V8 เทอร์โบคู่
ดังนั้นเวลาผ่านไป 2 ปีก็ได้เปิดตัวเครื่องยนต์ Blackwing ในปี 2018 พัฒนาต่อจากเครื่องตระกูล Northstar อันโด่งดังในยุค 90 ใช้เงินลงทุนพัฒนาแพลทฟอร์มขับหลังและพัฒนาเครื่องยนต์ด้วยงบประมาณ 16 ล้านเหรียญสหรัฐ กลายเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 4.2 ลิตร DOHC 32 วาล์ว และใส่เทอร์โบคู่แบบแปรผัน ที่มีแรงอัด 1.37 บาร์ สามารถผลิตกำลังได้ถึง 500 - 550 แรงม้าแล้วแต่รุ่นย่อย กับแรงบิดสูงถึง 778 - 868 นิวตันเมตร นับเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ล้ำหน้าที่สุดที่เจเนอรัล มอเตอร์สเคยทำมา
มีความทันสมัยสุดขีด
ไม่เพียงแค่ความแรงเท่านั้น เครื่อง Blackwing นี้ยังมีสารพัดเทคโนโลยีทันสมัยสุดเท่าที่จะใส่ให้ได้ ตั้งแต่บล็อกอะลูมิเนียมที่ฝังหัวฉีดตรง ฝาสูบอะลูมิเนียมที่ใส่วาล์วแปรผัน และมีกระบอกสูบที่แปรผันการทำงานได้ สามารถเดินเครื่องแค่ 4 สูบอย่างราบรื่น ทุกเทคโนโลยีนี้ ทำให้มีต้นทุนการผลิตเครื่องนี้สูงถึง 20,000 เหรียญ/บล็อค มันเป็นรุ่นเรือธงของรถ Cadillac CT6 และยังตั้งเป้าไว้ว่าจะออกรุ่นหรู่กว่านั้นคือ CT8 เพื่อแสดงถึงความหรูสไตล์อเมริกันอย่างแท้จริง
ยอดขายแค่ 1,500 คัน
Cadillac CT6-V รุ่นท็อปที่เปิดจองและส่งมอบในปี 2019 นั้นเป็นแบบจำกัดจำนวน ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาอีกเล็น้อย รวมกันในปีนั้นขายได้ทั้งหมด 875 คัน ต่อมาในปี 2020 รุ่นย่อยใหม่ V-sport ออกขายในความแรงลดลงเล็กน้อย กลับทำยอดขายได้ไม่ดีเท่าที่หวังเพียงแค่ 600 คัน โดยสรุปแล้วมียอดขายรุ่น V8 ทั้งหมดนี้ไม่ถึง 1,500 คันภายใน 2 ปีก่อนจะถูกยกเลิกการทำตลาด แต่ยอดขายไม่ใช่สาเหตุเดียวที่รถรุ่นนี้ถูกตัดตอน
แพลทฟอร์มไปไม่รอด
Cadillac CT6 ใช้แพลทฟอร์มชื่อ Omega ที่ตั้งใจทำออกมาเป็นแบบขับเคลื่อนล้อหลัง ใส่ในรถเก๋งขนาดใหญ่สุดโดยเฉพาะ และเครื่องยนต์ V8 นี้ก็ถูกสร้างออกมาใส่บนพื้นฐานขับหลังนี้เท่านั้น ข้อดีคือมันจะเป็นระบบที่ลงตัว เพื่อการขับขี่อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ข้อเสียคือ มันขาดความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนไปใช้ร่วมกับพื้นฐานอื่น ๆ ซึ่งนั่นคือข่าวร้าย เพราะว่าวงการรถยนต์กำลังนิยมเอสยูวี ทำให้รถเก๋งขนาดใหญ่เริ่มเสื่อมความนิยมทีละน้อย อีกทั้งแพลทฟอร์มนี้ไม่สามารถแชร์ร่วมกับเอสยูวีรุ่นใด เพราะต้นทุนสูงมาก จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่กลุ่ม GM ไม่ทุ่มพัฒนารถหรูต่อ
อ่านเพิ่มเติม : Toyota และ Yamaha ร่วมกันสานฝันพัฒนาเครื่องยนต์สันดาป V8 พลัง 'ไฮโดรเจน'
ทรัพยากรมีจำกัด
สาเหตอีกอย่างที่รถ Cadillac CT6 ไม่ได้ไปต่อคือทรัพยากรมีจำกัด เพราะในปี 2020 นั้นเอง GM กำลังพัฒนากระบะ เอสยูวี และรถสปอร์ตไปพร้อมกัน นั่นคือ Hummer EV, Silverado, Blazer, C8 Corvette ซึ่งเป็นรุ่นที่สามารถทำเงินให้กับกลุ่มจีเอ็มมากกว่า อีกทั้งสถาณการณ์โควิด-19 ที่ระบาดในสหรัฐ ทำให้การทำงานชะงัก และต้องปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ แน่นอนว่าทีมงานที่คาดิลแลคนั้นโดนก่อนใครเพื่อน ทำให้จะไม่มีรถ CT6 รุ่นใหม่อีกต่อไป และปิดตายโครงการทำรถหรูสุดขีดอย่าง CT8 ไปด้วย
อ่านเพิ่มเติม : ตำนานมัสเซิลคาร์อย่าง Dodge Charger / Challenger จะเปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าล้วน บอกลา V8
ปัจจุบันเป็นไฟฟ้า
ปัจจุบัน GM ประกาศแผนสำหรับอนาคตของ Cadillac รุ่นเรือธงใหม่ โดยใช้แพลทฟอร์ม modular EV นั่นกลายเป็น Cadillac Lyriq เอสยูวีที่กำลังผลิตขายในปัจจุบัน และในอนาคตจะมีรถเก๋งขนาดใหญ่รุ่น Celestiq ที่คาดว่าจะมีราคาสูงถึง 200,000 เหรียญ มาแทนที่ทั้งรุ่น CT6 และ CT8 ส่วนชื่อ Blackwing ปัจจุบันถูกนำไปใช้ในบล็อค V8 ซูเปอร์ชาร์จในรถรุ่น CT4 และ CT5 จนถึงทุกวันนี้ เป็นการปิดตำนานเครื่อง Blackwing V8 เทอร์โบคู่ รุ่นแรกและรุ่นเดียวที่ค่ายนี้เคยทำออกมา
อ่านเพิ่มเติม : Mercedes-AMG C63S E Performance ล้มล้าง V8 ยกเลิกขับหลัง ใช้พลัง 4 สูบที่แรงสุดในโลก
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });