เปิดไฟตัดหมอกตอนฝนตก ไม่ได้ช่วยให้มองทางชัดขึ้น แถมแยงสายตาคนอื่นและโดนปรับด้วย

สิ่งที่ทำให้คนขับรถเกิดความรำคาญมากที่สุดคือเรื่องการเปิดไฟตัดหมอกแบบพร่ำเพรื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดไฟตัดหมอกตอนฝนตก นอกจากแยงตาแล้ว บางครั้งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เลยก็มี และการใช้งานผิดประเภทยังผิดกฎหมายอีกด้วย 

ใช้ไฟตัดหมอกผิดๆ

ไฟตัดหมอกที่ติดรถมาในกันชนหน้า-หลัง หลายคนเข้าใจว่าเป็นหลอดไฟเพิ่มความสว่าง จึงใช้ร่วมกับการเปิดไฟหน้า เพราะคิดไปเองว่ามันช่วยให้มองถนนเห็นชัดขึ้น แต่การใช้ไฟตัดหมอกอย่างผิด ๆ ทั้งมาจากความตั้งใจ หรือเผลอเปิดเอง มันสร้างผลเสียทำให้แยงตาคนขับรถร่วมทางกันอย่างมาก

ไฟตัดหมอก เป็นแสงที่มีความเข้มสูง และไม่มีการหันองศาแสงสะท้อนลงพื้นถนน เพราะต้องการให้ทิศทางของแสงขนานไปกันพื้นถนน ส่องไปที่สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ รอบตัวรถ เช่น รั้วขอบทาง ป้ายจราจร สิ่งกีดขวาง ฯลฯ และแน่นอนว่ามันส่องเข้าตารถที่สวนมาด้วยเช่นกัน

กฎหมายจับปรับได้

กฎหมายก็ยังระบุให้ตำรวจที่พบเห็นสามารถจับปรับได้ทันที เพราะพรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 11 ข้อ 3 (ทวิ) มีบอกไว้ว่า “ในกรณีที่รถมีโคมไฟเพื่อใช้ตัดหมอก จะเปิดไฟหรือใช้แสงสว่างได้เฉพาะในทางที่จะขับรถผ่านมีหมอก ควัน หรือฝุ่นละอองจนเป็นอุปสรรคอันอาจเกิดอันตรายในขณะขับรถ และเมื่อไม่มีรถอยู่ด้านหน้าหรือสวนมาในระยะของแสงไฟ” หากเปิดพร่ำเพรื่อ โดยไม่อยู่ในสถานการณ์ที่กำหนด มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

การใช้ที่ถูกต้อง

ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ชัดเจนแล้วว่า เวลาฝนตกไม่ควรเปิดไฟตัดหมอก ยกเว้นว่าฝนตกหนักมากจนมองทางไม่เห็น และไม่มีรถอื่นสวนมาเท่านั้น จึงจะอนุโลมให้เปิดไฟตัดหมอกตอนฝนตกได้ อีกทั้งในสถานการณ์หมองลงจัด ก็เปิดได้เช่นกัน แต่ไม่ควรเปิดพร่ำเพรื่อ ด้วยความเชื่อผิด ๆ ว่าจะมองถนนชัดขึ้นนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม : ไฟตัดหมอกไม่ใช่ไฟส่องทาง เปิดมั่วจะโดนปรับแถมโดนด่าด้วย