สัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกเติบโตแตะระดับ 10% ของยอดขายรถทั้งหมดเป็นครั้งแรก ค่ายรถจีนถล่มตลาดยับเยิน
เว็บไซต์ CleanTechnica ทำการรวบรวมข้อมูลยอดขายรถอีวีทั่วโลกก่อนพบว่าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาถือเป็นหมุดหมายใหม่ในอุตสาหกรรมยนต์ ด้วยการขยายตัว 61% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า และถือเป็นเดือนที่มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นั่นทำให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่ายอดขายรถเสียบปลั๊กในเดือนกันยายนจะทำสถิติใหม่อีกครั้ง และคาดการณ์ว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ตลาดรถพลังงานทางเลือกถือว่าน่าติดตามดูผลลัพธ์ใกล้ชิด
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
เปิดอันดับยอดขายรถอีวี-ปลั๊กอินไฮบริด
CleanTechnica ระบุว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามีการเติบโต 73% ในเดือนกรฏาคม เหนือกว่ารถปลั๊กอินไฮบริดที่ขยายตัว 36%
รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายนำมาเป็นอันดับ 1 คือ BYD Song Plus ซึ่งมีตัวเลขของทั้งรุ่นไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริดอยู่ที่ 37,784 คัน ตามมาแบบหายใจรดต้นคอในอันดับ 2 คือ Wuling Mini EV มียอดขาย 37,129 คัน และอันดับ 3 คือ BYD Qin Plus มียอดขาย 30,115 คัน
รถยนต์ฝั่งตะวันตกที่ติดลิสต์ 10 อันดับแรกของยอดขายมีเพียง 3 รุ่นเท่านั้นคือ Tesla Model Y ในอันดับที่ 4 ทำยอดขายได้ 29,829 คัน Volkswagen ID.4 มียอดขาย 19,035 คันอยู่ในอันดับ 8 และ Tesla Model 3 มียอดขาย 17,246 คันอยู่ในอันดับที่ 9
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ รถยนต์ของค่าย BYD ที่กำลังลุยตลาดบ้านเรานั้นประสบความสำเร็จอย่างยิ่งด้วยการยึดตารางยอดขายได้ถึง 5 รุ่นเลยทีเดียว
เมื่อดูจากยอดขายรวมของทั้งรถไฟฟ้าและรถปลั๊กอินไฮบริดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาพบว่า BYD ครองเจ้าตลาดอย่างที่ไม่มีแบรนด์ใดสู้ได้ด้วยตัวเลข 160,061 คัน ตามาห่าง ๆ คือ Tesla ที่ทำยอดขาย (รถอีวีอย่างเดียว) อยู่ที่ 52,084 คัน
หากนับจากเดือนมกราคมถึงกรกฎาคมพบว่า BYD ขายรถพลังงานทางเลือกไปแล้วมากถึง 800,745 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดมหาศาลถึง 16.2% ส่วน Tesla ขายไปแล้ว 617,309 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 12.5%
CleanTechnica ระบุว่าเป็นเรื่องยากที่จะประเมินว่าตลาดรถพลังงานทางเลือกจะมีความก้าวหน้าอย่างไรในอนาคต แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ Tesla ที่เคยยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวมานานหลายปี บัดนี้มีคู่แข่งจากแดนมังกรผงาดมาเทียบรัศมีแล้ว
เมื่อการแข่งขันดุเดือนมากขึ้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ย่อมมีความเข้มข้นกว่าเดิม ประโยชน์ก็จะตกอยู่กับผู้บริโภอย่างเรา ๆ นั่นเอง
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });