หัวเรือใหญ่ Ferrari (เฟอร์รารี่) ประกาศยืนยันแผนการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่เร้าอารมณ์ผู้ขับขี่ กำหนดการเปิดตัวครั้งแรกในปี 2025
หลังจากเผยโฉม 2023 Ferrari Purosangue รถเอสยูวีรุ่นแรกออกมาและเตรียมวางขายทั่วโลก ล่าสุด ค่ายรถซูเปอร์คาร์ตราม้าลำพองกำลังซุ่มพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่จะเผยโฉมภายในอีก 2 ปีข้างหน้า
ก่อนหน้านี้ Ferrari ทำขุมพลังที่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้ามาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นไฮบริดอย่าง SF90 Stradale หรือปลั๊กอินไฮบริดอย่าง 296 GTB ทำให้หลายฝ่ายจับตามองว่าขุมพลังไฟฟ้าล้วนจะมีสมรรถนะน่าตื่นเต้นเพียงใด
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
เป็นยิ่งกว่ายานพาหนะ
เบเนเดโต วิกนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Ferrari ยืนยันว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์จะเปิดตัวในปี 2025 และพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าในปี 2026
เมื่อถูกถามว่ารถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ม้าลำพองจะแตกต่างจากรถรุ่นอื่นในตลาดอย่างไร วิกนา ตอบว่าจะมอบ “ประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง”
“รถยนต์ไฟฟ้าของเราจะไม่เหมือนกับรถใช้งานทั่วไปเพื่อเดินทางไปถึงจุดหมายอย่าง Tesla ซึ่งเจ้าของรถกลุ่มนี้มักไม่สนใจแบรนด์ แต่สนใจแค่ว่าจะเดินทางจากจุด A ไปยังจุด B ได้อย่างไรเท่านั้น” วิกนา กล่าวเพิ่มเติม
ซีอีโอของ Ferrari ยืนยันว่ารถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทฯ จะต้องมีความน่าตื่นเต้นเหมือนกับรถเครื่องยนต์สันดาป
“ความเร้าใจในการขับขี่ต้องมาจากส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยม การเลี้ยวที่มั่นคง เสียง การเปลี่ยนเกียร์ และการเบรก ทั้งหมดนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงแม้เรากำลังสร้างระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า” วิกนา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมองว่า Tesla เป็นรถใช้งานทั่วไป แต่วิกนาก็ยอมรับว่าอีลอน มัสก์ ช่วยผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วมากขึ้น
“หลายสิ่งหลายอย่างเคยมีพัฒนาการที่ช้าเกินไป การพัฒนาของ Tesla สั่นสะเทือนอุตสาหกรรมและทำให้เกิดการปฏิวัติรถยนต์ไฟฟ้า” วิกนา เผย
ทั้งนี้ Ferrari วางเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2030 จะมีการจัดจำหน่ายรถเครื่องยนต์สันดาปล้วนเพียง 20% ส่วนไฮบริดจะมีสัดส่วน 40% และอีก 40% จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });