“ราคานี้แพงจัง ผมไปซื้อรถรุ่น(ที่ใช้น้ำมัน)ดีกว่า” มักเป็นคำพูดยอดฮิตของบุคคลที่ยังไม่พร้อมจ่ายให้เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ดังนั้น เพื่อที่จะคัดกลุ่มคนที่จะอ่านบทความรีวิวนี้ คุณต้องตั้งใจก่อนว่า จะไม่เอารถพลังไฟฟ้า ไปเทียบกับรถน้ำมัน เพียงเพราะเห็นว่ามันอยู่ในระดับราคาเดียวกัน และต้องเข้าใจถึงการจ่ายเพื่อแลกกับเทคโนโลยีใหม่ ที่ในอนาคตกำลังจะมาแทนที่เครื่องยนต์เดิม
รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อ Takano (ทาคาโน่) แบรนด์สัญชาติไทย กำเนิดโดยคนไทยแท้ ที่เริ่มก่อตั้งมาก็ทำตลาดด้วยรถพลังไฟฟ้าเลยด้วยรุ่น TTE500 เปิดตัวไปเมื่องาน Motor Show 2020 ที่ผ่านมา ด้วยราคาช่วงแนะนำเริ่มต้น 415,000 บาท(รวม VAT) ทำให้กวาดยอดขายล็อตแรก 50 คันหมดเกลี้ยง ทำสถิติเป็นรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกที่สุดในไทย หลังจากหมดโปรแล้วก็ขยับราคาปัจจุบันเริ่มต้นที่ 490,000 บาท ซึ่งวันนี้จะมาลองขับกันดู ว่ามันมีข้อดี และข้อเสียอย่างไร คุ้มค่าตัวหรือไม่
ความเป็นมา
ทาคาโน่ รุ่นนี้ เป็นการสั่งชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าจากจีน เข้ามาประกอบกับโครงสร้างรถในไทย อีกทั้งมีวัสดุการตกแต่งเพิ่มเติมจากประเทศไทยทั้งสิ้น คือ ระบบแอร์ เบาะนั่ง การบุนวมต่างๆ โรลบาร์ ไลเนอร์กระบะ มีโรงงานประกอบเป็นตัวเป็นตนที่นิคมอมตะนคร จ.ชลบุรี โดยตอนนี้มีโชว์รูมที่ชลบุรีที่เดียว และกำลังจะเปิดโชว์รูมในกรุงเทพเร็วๆนี้
รูปทรงเข้าใจคิด
รูปทรงเป็นรถกระบะขนาดเล็ก วางบนโครงสร้างแบบโมโนค็อกชิ้นเดียว ไม่มีแชสซีส์ คิดภาพง่ายๆว่ามันคือ รถเก๋งเล็ก ที่ตัดหลังคาตอนหลังออกไป (ใครที่เกิดทันไดฮัทสุมิร่ากระบะจะเข้าใจดี) นับว่าเป็นไอเดียการทำรถที่ดี เพราะปัจจุบันยังไม่มีรถกระบะขนาดเล็กแบบนี้ทำออกมาแข่ง สร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ ให้บรรยากาศการขับแบบรถเก๋ง แต่ยังใช้งานกระบะท้ายได้หลากหลายแบบ ที่สำคัญคือ สามารถจดทะเบียนเป็นรถบรรทุกขนาดเล็ก เสียภาษีเพียงปีละ 225 บาท ถูกที่สุดในบรรดารถ 4 ล้อแล้ว
ออพชั่นตามความประหยัด
ด้วยความที่เป็นรถพลังไฟฟ้าในราคาถูก ดังนั้นเราจึงอย่าคาดหวังว่าจะพบอะไรไฮเทคเกินเบอร์ ทุกอย่างมีให้ตามสมัยนิยม เช่น ไฟหน้าฮาโลเจน ที่มีเส้นไฟ LED รวมในโคมเดียวกัน กับมีไฟเดย์ไทม์ ไฟเลี้ยว และไฟเบรคเป็น LED เช่นกัน ภายในมีจอทัชสกรีนให้มาทุกรุ่นย่อย ซึ่งมีกล้องมองหลังมาให้ในตัว
ภายในวัสดุพลาสติกล้วน
เปิดประตูดูภายในประทับใจความพยายามบุนวมนุ่มด้วยพรมรอบพื้น รวมไปถึงผนัง และเพดานภายในห้องโดยสาร เพื่อป้องกันความร้อนเป็นหลัก และซ่อนเนื้อเหล็กไม่ให้มองเห็น ที่เบาะนั่งหนังเทียม รองรับคนสูง 170 ได้สบาย ยังเหลือพื้นที่ศีรษะอีกประมาณ 1 กำปั้น ปรับเลื่อนเข้าออกได้ ไม่ต้องนั่งชันเข่า แต่ปรับสูงต่ำไม่ได้ เช่นเดียวกับพวงมาลัย ที่ปรับสูงต่ำไม่ได้
ปุ่มแอร์ประหลาด
เครื่องปรับอากาศในรถรุ่นนี้ มันประหลาดกว่าแอร์ทั่วไป โดยมีแค่ปุ่มกด 3 ปุ่มใหญ่ๆ คือ ปุ่มเปิด/ปิดอยู่ซ้ายสุด ปุ่มกดเลือกความแรงลมอยู่ตรงกลาง ยิ่งกดมาก ยิ่งแรงมาก มีให้ 2 ระดับเท่านั้น และปุ่ม A/C เปิดการทำงานของคอมเพรเซอร์ทำความเย็น ซึ่งในตอนที่รถจอดตากแดดเวลากลางวัน เปิดแอร์แล้วใช้เวลาเพียง 1 นาทีก็รู้สึกเย็นแล้ว เพราะห้องโดยสารเล็ก และแรงลมมีมาก หากได้ฟิล์มกรองแสงติดเพิ่ม จะรู้สึกเย็นทันใจกว่านี้ ถ้ารถเป็นฝ้า ก็กดปิด A/C ออกไป ไม่ต้องพึ่งพาแผงไล่ฝ้าใดๆ
คันเกียร์ประหลาดยิ่งกว่า
ตอนเปิดแอร์ว่าประหลาดแล้ว มาเจอคันเกียร์ไฟฟ้าแบบใหม่ ยิ่งประหลาดมากขึ้นไปอีก เพราะเป็นเกียร์ไฟฟ้าที่มี 3 โหมด ถูกจัดให้มีการเลื่อนคันโยกแบบหน้า-หลังอย่างเกียร์ออโต้ แต่ตำแหน่งของโหมดการขับมันผิดธรรมชาติจากความคุ้นเคยในเกียร์ออโต้ ซึ่งเราคุ้นเคยแบบ R อยู่บน N อยู่กลาง และ D อยู่ล่าง แต่ในรถ Takano TTE500 รุ่นนี้มีตำแหน่งเกียร์สลับที่กันระหว่าง R/D กลายเป็นว่า D อยู่บน และ R อยู่ล่างแทน ทำให้เวลาขับรถคันนี้ ต้องตั้งสติให้ดี อย่าใช้ความเคยชินจากการเลื่อนเกียร์ออโต้ที่มี มาใช้ในเกียร์รถคันนี้เชียว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ขออนุญาตแนะนำวิศวกร Takano ควรไปแก้ไขเป็นแบบปุ่มกดจะดีกว่ามาก
ลองขับแล้ว โอเคเลย
ก่อนจะบิดกุญแจสตาร์ท ต้องเอื้อมมือไปหลังเบาะคนขับ ดึงปุ่มสีแดงขนาดใหญ่ขึ้น เป็นการเปิดคัทเอาท์จ่ายไฟให้ตัวรถ ก่อนจะบิดกุญแจให้ไฟหน้าปัดขึ้นมา หลังจากนั้นก็เหยียบเบรค ตั้งสติให้ดีว่าเดินหน้าต้องผลักเกียร์ไปข้างหน้า เมื่อผลักเข้าเกียร์ D แล้วปล่อยเบรค รถจะไม่ไหลไปเองเหมือนรถเกียร์ออโต้ทั่วไป แต่จะเคลื่อนที่ตอนเหยียบคันเร่งเท่านั้น ส่วนก้านไฟเลี้ยวอยู่ฝั่งซ้าย กับก้านปัดน้ำฝนอยู่ฝั่งขวา ตามแบบรถจีน-ยุโรปนิยมใช้กัน
เมื่อลองขับดูแล้ว พบว่ามอเตอร์ไฟฟ้าส่งกำลังเข้าเพลาหลังแบบไม่แรงกระชากตัวติดเบาะใดๆ แค่พาตัวถัง 589 กก.แล่นออกไปได้อย่างไม่เป็นภาระใครบนท้องถนน ให้อารมณ์อัตราเร่งเหมือนรถสนามกอล์ฟดีๆคันนึง มีการจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 60 กม./ชม.ตามมาตรฐานขั้นต่ำสุดของรถยนต์ไฟฟ้าที่จดทะเบียนได้ เลยไม่รู้ว่าจะใช้แบกของหนักสูงสุด 300 กก.ไปส่งจุดหมายถึงในกี่ชั่วโมง
การเลี้ยวก็ทำได้ลื่นมาก จากพวงมาลัยไฟฟ้า ให้อารมณ์ไม่ต่างจากรถเก๋งเล็กทั่วไป ส่วนช่วงล่างอย่าขับความเร็ว 60 กม./ชม.ไปสาดโค้งที่ไหน ไม่ใช่ว่ากลัวหลุดโค้ง แต่ล้อหลังจะโย้ตัวเสียดสีกับซุ้มล้อเกิดเสียงน่ารำคาญ หลังจากทดสอบไปได้ 6.7 กม.ทั้งเปิดแอร์เต็มที่ และเร่งเต็มหน่วย แต่แบตเตอร์รี่ยังโชว์เต็มขีด ไม่มีลดลงเลย ซึ่งทางผู้ผลิตเคลมไว้ว่า สามารถใช้งานได้ถึง 100-120 กม.ต่อการชาร์จแค่ 6 ชม.ก็เต็มแล้ว
เหมาะกับใครดี
แน่นอนว่า รถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบัน เหมาะกับคนที่ใช้เป็นคันที่ 2 ของบ้าน ไปส่งลูกเมีย ใช้เดินทางในเมือง หรือตามถนนเล็กในชนบท ด้วยระยะทางสั้นๆ ในจุดหมายไม่เกิน 50-60 กม. เพราะต้องเหลือแบตกลับมาชาร์จไฟบ้าน (เพราะไม่สามารถชาร์จแบบเร็วใช้ระหว่างทางได้) ยิ่งเดินทางในเมืองจะยิ่งเหมาะมาก เพราะคันนี้เล็ก จอดง่าย แถมใต้ท้องรถสูงถึง 190 ซม. ลุยน้ำท่วมไปได้สูงจนรถเก๋งหลายรุ่นยังต้องอาย ที่สำคัญคือ มันช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์เจ้าของรถ ให้ดูเป็นคนทันโลกยุคใหม่ ตามกระแสการใช้รถเงียบไร้ควัน จึงเหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจเพื่อสังคม หรือSMEยุคดิจิตอล ที่ลงทุนต่ำแต่ได้ภาพลักษณ์ไฮเทค ลองคิดภาพร้านค้าวัยรุ่นแนวทันสมัย ที่มีรถกระบะไฟฟ้าไว้ส่งของดูสิครับ
ไม่เหมาะกับใครบ้าง
พวกที่คิดว่าเป็นรถกระบะแล้วซื้อไปต่อตู้ทำร้านค้า หรือใส่คอกเสริมท้ายรับงานบรรทุก ไม่เหมาะเพราะโครงสร้างรถคันนี้เป็นแบบชิ้นเดียวเชื่อมติดกันทั้งคัน ไม่มีแชสซีส์กลางลำแบบรถกระบะอื่นๆ ความแข็งแรงจึงต่างกัน หากฝืนใช้ไปนานๆ ตัวรถบิดงอได้ง่ายกว่าแบบกระบะแชสซีส์ อีกทั้งยังมีความสามารถรองรับน้ำหนักเพียง 300 กก. ซึ่งแค่คนนั่งพร้อมกัน 2 คนรวมกัน ก็ปาเข้าไป 150-200 กก.แล้ว ทำให้เหลือโหลดของได้แค่ถุงปุ๋ยใหญ่ 1-2 กระสอบเท่านั้น นอกจากนี้ ยังไม่เหมาะกับพวกชอบของคุณภาพดี (แต่ขี้เหนียว) เพราะคุณจะรับไม่ได้กับความบางของวัสดุ หรือช่องไฟไม่สนิทบางชิ้นส่วนภายในรถ
สิ่งที่ขาดหายไป
กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า และเบรคเอบีเอส คือสิ่งที่อยากจะให้เพิ่มอย่างยิ่ง รองลงไปก็คือการปรับมุมองศากล้อง ให้ส่องลงพื้นมากขึ้น และเลิกใช้แผ่นฟลุตบอร์ดปิดใต้ท้องหน้ารถได้แล้ว ส่วนการรับประกันสินค้า เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้เน้นย้ำกับลูกค้า เพราะไม่มีระบุในโบรชัวร์ โดยเราไปสอบถามมาได้ความว่า แบตเตอร์รี่รับประกัน 2 ปี มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ปี และตัวถังรถ 3 ปี ไม่ได้ระบุว่าระยะทางเท่าใด
รถยนต์ไฟฟ้าต้นทุนต่ำจากเมืองจีน กำลังจะเข้ามาขายในไทยแล้ว โดยมี Takano เป็นผู้บุกเบิก ซึ่งเป็นบริษัทคนไทยแท้ ประกอบในไทย และใส่รสนิยมความเป็นไทยไว้มาก แต่อย่างไรก็ตาม ขึ้นชื่อว่าเป็นรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะถูกหรือแพง มันก็ยังเป็นรถคันที่สองของบ้าน ดังนั้นจึงน่าจะมีทางเลือกเป็นรถทรงสปอร์ต 2 ที่นั่งในราคาเท่ากัน จะโดนใจวัยรุ่นเจนใหม่ และส่งเสริมภาพลักษณ์รถสปอร์ตก็รักโลกได้ อย่างที่หลายค่ายรถดังๆ เคยทำสำเร็จไปแล้ว
เมื่อตอบคำถามตามหัวข้อที่ว่า ราคาเริ่มต้น 490,000 บาท จะห่วยหรือคุ้มค่า จะขอเฉลยว่ามันมีสองอย่างพร้อมกัน ทั้งความห่วยของวัสดุที่ปกปิดยังไงก็ดูออก และความคุ้มค่าของการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานบนถนนได้จริง มีทะเบียนตามกฎหมาย ในราคาที่ถูกมากกับเทคโนโลยีแบบนี้ หากใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้วยังสนใจเล่นรถยนต์ไฟฟ้า แต่งบไม่ถึง 4-5 แสน ก็จับรถเก่าไปแปลงใส่ไฟฟ้าเอาเองก็ได้ครับ
ราคา Takano TTE500 |
ไม่มีแอร์ |
490,060 บาท |
มีแอร์ |
520,020 บาท |
แอร์+ไลน์เนอร์ |
523,765 บาท |
แอร์+โรลบาร์ |
524,086 บาท |
แอร์+ไลน์เนอร์+โรลบาร์ |
527,831 บาท |
ข้อมูลทางเทคนิค Takano TTE500 |
มิติตัวถัง
|
กว้างxยาวxสูง (มม.) |
1,480x3,250x1,490 |
ฐานล้อ (มม.) |
2,150 |
ความสูงใต้ท้องรถ (มม.) |
190 |
น้ำหนัก (กก.) |
589 |
ระบบขับเคลื่อน
|
มอเตอร์ไฟฟ้า |
AC 72 โวล์ต |
กำลัง |
7.4 แรงม้า |
ความเร็วสูงสุด |
60 กม./ชม. |
แบตเตอร์รี่ |
ลิเธียม-ไอออน 11 Kw/h |
เวลาชาร์จ |
6 ชั่วโมง |
ระยะทางที่วิ่งได้ |
100-120 กม. |
ช่วงล่าง
|
กันสะเทือนหน้า |
แมคเฟอร์สันสตรัท |
กันสะเทือนหลัง |
เทรลลิ่งอาร์ม |
พวงมาลัย |
ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า |
เบรค หน้า/หลัง |
ดิสก์/ดรัม |
ล้อ |
ขนาด 13" กว้าง 4.5" |
ยาง |
155/65 |