แอนโทนี ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Grab (แกร็บ) ยอมรับเคยประเมินผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ต่ำเกินไป เพราะคิดว่าจะจำกัดอยู่ในประเทศจีนเท่านั้น
เมื่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดไปทั่วโลกและส่งผลสะเทือนต่อทุกภาคธุรกิจในวงกว้าง ซีอีโอวัย 38 ปีได้หารือกับตัน ฮุย ลิน ผู้ร่วมก่อตั้ง Grab ถึงวิธีการรับมือกับวิกฤตครั้งนี้ ก่อนที่ทั้งคู่จะตัดสินใจครั้งสำคัญที่มีความจำเป็นต่อธุรกิจ
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราต้องเร่งปรับตัวอย่างรวดเร็ว” ตัน กล่าว
นั่นทำให้ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Grab ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ ประกาศปรับลดพนักงานประมาณ 360 คนหรือ 5% ของพนักงานทั้งหมด หลังจากประกาศปรับลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นในส่วนอื่น ๆ ไปแล้ว
“ผมจำได้ว่าผมไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้เลยเมื่อต้องปลดพนักงาน ผมไม่ต้องการเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นอีกแล้ว” ตัน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Reuters ครั้งแรกหลังจากประกาศมาตรการเลย์ออฟ
การแพร่ระบาดของ Covid-19 คือวิกฤตการณ์ครั้งแรกของ Grab ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งอาเซียนในฐานะผู้ให้บริการร่วมเดินทาง จัดส่งอาหาร และบริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีมูลค่าบริษัทกว่า 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
มีผู้ใช้งานเกือบ 200 ล้านคน แต่ยังไม่มีผลกำไร
การบริการของ Grab มีอยู่ใน 351 เมืองใน 8 ประเทศทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในปี 2018 พวกเขากลายเป็นข่าวใหญ่ระดับโลกเมื่อเข้าซื้อกิจการระดับภูมิภาคของ Uber หลังจากต้องต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่นาน 5 ปี
Grab ระบุว่าปัจจุบันมีผู้ดาวน์โหลดใช้งานแอปพลิเคชั่นรวมทั้งหมดกว่า 198 ล้านคน แต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถสร้างผลกำไรได้อย่างยั่งยืน
เมื่อไวรัสทำให้ผู้คนถูกล็อกดาวน์ต้องอาศัยอยู่ในบ้านเป็นหลัก ความต้องการใช้งานบริการร่วมเดินทางลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ขับขี่ไรด์แชริ่งเกือบ 150,000 คนผันตัวมาเป็นผู้จัดส่งอาหารและสินค้าถึงที่พักอาศัยแทน
“การสั่งซื้ออาหารออนไลน์กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ตลาดนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับการชำระเงินออนไลน์ก็ขยายตัวอย่างก้าวกระโดด พฤติกรรมการใช้ชีวิตเช่นนี้กำลังจะเปลี่ยนไปอย่างถาวรในอนาคต ไม่ว่าเราจะมีวัคซีนป้องกันไวรัสหรือไม่ก็ตาม” ตัน กล่าว
ซีอีโอ Grab เผยว่า บริษัทฯ ของเขากำลังพัฒนาธุรกิจไปในทิศทางที่จะรองรับผู้บริโภคที่ทำงานอยู่กับบ้านหรือ work from home มากขึ้น
ทิศทางในอนาคตของ Grab
ในขณะที่ Grab ต้องชะลอแผนธุรกิจการให้บริการด้านการท่องเที่ยวเนื่องจากมาตรการปิดเมือง ธุรกิจส่งอาหารของ Grab ซึ่งมีอายุเพียง 2 ปีมีอัตราเติบโตแซงหน้าธุรกิจให้บริการร่วมเดินทางในอาเซียนไปเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกัน ธุรกิจการชำระเงินดิจิทัลก็กำลังขยายตัวด้วยเช่นกัน
Grab ระบุว่า กำลังพัฒนาธุรกิจเพื่อร้านค้ามากขึ้น และต้องการเติบโตสู่การเป็นแอปเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันสำหรับผู้บริโภค โดยกำลังรุกคืบเข้าสู่ธุรกิจการธนาคารในสิงคโปร์
ตันชี้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสทำให้ต้องคิดกลยุทธ์ทั้งในระยะสั้นเพื่อการอยู่รอดทางธุรกิจ และขณะเดียวกัน ต้องวางแผนระยะยาวมากขึ้นเพื่อสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืน
“ก่อนหน้านี้ เราต้องระมัดระวังด้านค่าใช้จ่ายและต้นทุนอย่างมาก แต่หลังจากนี้ เราต้องเดินหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างผลกำไร” ตัน กล่าวปิดท้าย