ปฏิเสธไม่ได้ว่าบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นยืนอยู่แถวหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์มานานหลายทศวรรษ จนกระทั่งถึงเวลาเปลี่ยนผ่านสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าถูกครอบครองโดยบริษัทรถยนต์จีน ยุโรป และสหรัฐอเมริกาซึ่งกุมส่วนแบ่งตลาดมากถึง 90% ขณะที่บริษัทรถยนต์จากแดนปลาดิบมีมาร์เก็ตแชร์ไม่ถึง 5% ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่พวกเขายึดติดกับความสำเร็จของรถยนต์ไฮบริดมากเกินไป
ย้อนกลับไปในปี 2010 ค่ายรถญี่ปุ่นประกาศด้วยความภาคภูมิใจว่าพวกเขาคือผู้นำตลาดรถอีวี ด้วยการนำเสนอ Mitsubishi i-MiEV ที่ถูกยกย่องว่าเป็นรถไฟฟ้าผลิตในวงกว้างรุ่นแรกของโลก ตามมาด้วย Nissan Leaf ที่เป็นผู้นำยอดขายนานหลายปี
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
แต่เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงปี 2022 ผู้นำยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นของ Tesla จากอเมริกาและ BYD จากจีน ขณะที่ Volkswagen จากยุโรปก็ตามมาห่าง ๆ
นโยบายภาครัฐมีส่วนสำคัญ
การตื่นตัวด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ นำมาซึ่งนโยบายควบคุมปริมาณมลพิษที่เข้มงวด ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ต้องปรับตัวขนานใหญ่ บางคนมองว่านี่คือการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญระดับ 1 ศตวรรษจะมีสักครั้งเลยทีเดียว
ว่ากันว่ากรณีอื้อฉาวการโกงมลพิษของ Volkswagen เมื่อหลายปีก่อนมีส่วนสำคัญในการผลักดันการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลทั่วภูมิภาคยุโรปต้องการหาโซลูชั่นใหม่สำหรับขุมพลังขับเคลื่อน บวกกับการพัฒนาเทคโนโลยีดีเซลและไฮบริดเริ่มชะลอตัว เราต้องไม่ลืมด้วยว่าค่ายรถยุโรปไม่สามารถสร้างรถไฮบริดแข่งขันกับญี่ปุ่นได้
นั่นทำให้รัฐบาลชาติยุโรปตัดสินใจกระโดดข้ามเป้าหมายการ “ลดมลพิษ” ไปสู่การมี “มลพิษเป็นศูนย์” ทำให้เกิดการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวในระยะยาว
ในทางกลับกัน รัฐบาลญี่ปุ่นเลือกที่จะสนับสนุนขุมพลังไฮบริดด้วยการประกาศการอุดหนุนภาษีสีเขียว (Green Tax Incentive on Eco-Friendly Car) ครอบคลุมรถยนต์ไฟฟ้า ไฮบริด และไฮโดรเจน
รัฐบาลโตเกียวมองว่าปัจจุบันรถยนต์ไฮบริดช่วยลดมลพิษอยู่แล้ว และตระหนักว่าการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนจำนวนมาก พร้อมกับการชาร์จรถอีวีอีกมหาศาลไม่ได้ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมเท่าใดนัก
แต่การปกป้องรถยนต์ไฮบริดและตลาดในประเทศ ย่อมทำให้ค่ายรถญี่ปุ่นไม่สามารถไล่ตามตลาดอื่น ๆ ทั่วโลกได้ สุ่มเสี่ยงที่จะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดท่ามกลางความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ถนนทุกสายมุ่งสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 100%
อย่างไรก็ตาม ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ายังอยู่ในช่วงเติบโต ต้องใช้เวลาอีกหลายปีจึงจะมาแทนที่รถไฮบริดหรือปลั๊กอินไฮบริดอย่างแท้จริงได้ เราต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไปว่าในท้ายที่สุดแล้ว ค่ายรถญี่ปุ่นจะล้มหายตายจากหรือจะมีแผนสำรองในการไล่ทันคู่แข่ง
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });