Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ประกาศว่าได้ยุติการลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดแล้วเพื่อมุ่งสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 100% อย่างเต็มตัว
ก่อนหน้านี้ Mercedes-Benz ได้เปิดเผยกลยุทธ์การพัฒนารถยนต์พลังงานทางเลือกด้วยการยืนยันว่าจะพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้นภายในปี 2025 หรืออีกเพียง 4 ปีข้างหน้าเท่านั้นที่เราจะไม่ได้เห็นโครงสร้างใหม่ของรถเครื่องยนต์สันดาปจากค่ายรถตราดาวสามแฉกอีกต่อไป
กลยุทธ์การ “หักดิบ” ดังกล่าวแน่นอนว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือการยกเลิกการพัฒนารถปลั๊กอินไฮบริดภายในปีนี้ทันที
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
มุ่งเน้นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว
มาร์คัส แชเฟอร์ กรรมการบริหารฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีของ Daimler ให้สัมภาษณ์ภายในงาน 2021 IAA Mobility หรือมิวนิค มอเตอร์โชว์ ยืนยันว่า Mercedes-Benz จะไม่พัฒนาขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่อีกต่อไป โดยจะใช้รุ่นปัจจุบันไปจนถึงสิ้นสุดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์
ระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดล่าสุดของ Mercedes-Benz ถูกติดตั้งอยู่ในรถสปอร์ตซีดาน Mercedes-AMG GT 63 S E Performance ซึ่งคาดว่าจะถูกใช้งานในรถยนต์อีกหลายรุ่นจนกว่าจะถึงปี 2025
“เราไม่มีการวางแผนพัฒนาระบบปลั๊กอินไฮบริดอีกต่อไปแล้ว” แชเฟอร์ กล่าว “เราได้ลงทุนครั้งสุดท้ายไปแล้ว (ในการพัฒนาระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริด) และจะใช้งานไปจนกว่าจะถึงจุดสิ้นสุด”
ทั้งนี้ ระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดถูกยกย่องว่าเป็น “สะพานเชื่อม” ระหว่างรถเครื่องยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้า เพราะมีการใช้งานที่สะดวกง่ายดาย มีสมรรถนะและความประหยัดใกล้เคียงกับรถอีวีมากที่สุด
ก่อนหน้านี้ ค่ายรถยักษ์เยอรมันเคยประกาศยุติการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปในปี 2019 และเลิกการพัฒนาระบบเกียร์ธรรมดาไปในปี 2020
นับตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไป กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Mercedes-Benz จะมีเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น โดยเริ่มจากตลาดใหญ่ในยุโรป อเมริกาเหนือ และญี่ปุ่น แต่ในภูมิภาคอื่น ๆ อย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเมืองไทยคาดว่าจะมีรถขุมพลังลูกผสมใช้กันอยู่เหมือนเดิม
BMW ไม่เห็นด้วยเท่าใดนัก
โอลิเวอร์ ซิปส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) เคยให้สัมภาษณ์ตอกย้ำจุดยืนเดิมที่จะให้ความสำคัญกับรถพลังงานทางเลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ได้มุ่งเน้นที่รถยนต์ไฟฟ้า 100% เพียงอย่างเดียว
ซิปส์เชื่อมั่นว่า แพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นของ BMW ซึ่งรองรับทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปคือจุดขายสำคัญ โดยรถยนต์ส่วนใหญ่ของ BMW ที่ออกจำหน่ายภายในปี 2030 จะมีทั้งระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 100%
“เราไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างแพลตฟอร์มที่รองรับผลิตภัณฑ์ประเภทเดียว เราต้องมีแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่ตอบสนองทุกความต้องการ” ซิปส์ กล่าวเพิ่มเติม
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });