ผู้บริหารระดับสูงของ Mitsubishi (มิตซูบิชิ) เผยความมุ่งมั่นในการนำเสนอรถปลั๊กอินไฮบริดไปอีกนานเท่านาน
ทาคาชิ ชิราคาวะ ผู้อำนวยการฝ่ายระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าของ Mitsubishi ยอมรับว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ 100% นั้นคืออนาคตที่มีความสำคัญสำหรับทั้งบริษัทฯ และอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวม
ขณะเดียวกัน แผนงานระยะกลางของ Mitsubishi นั้นไม่ได้เน้นปลั๊กอินไฮบริด แต่ชิราคาวะซังแย้มว่าระบบขับเคลื่อนลูกผสมที่เสียบปลั๊กชาร์จไฟได้นั้นยังมีความสำคัญต่อไป
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
“เรากำลังทุ่มเทพยายามที่จะนำเสนอรถปลั๊กอินไฮบริดต่อไปจนถึงปี 2050 ถึงแม้ขนาดตลาดจะเล็กลงก็ตาม เนื่องจากลูกค้ายังต้องการรถประเภทนี้และบริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่มองข้าม” ชิราคาวะ กล่าวเพิ่มเติม
มีดีมานด์ต้องมีซัพพลาย
การให้ความสำคัญกับปลั๊กอินไฮบริดของ Mitsubishi ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใด เนื่องจากยังมีความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ค่ายรถรายอื่นมุ่งเน้นไปที่รถยนต์ไฟฟ้าล้วนเป็นหลัก
“หากเรายังเดินหน้าพัฒนารถปลั๊กอินไฮบริดอย่างต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์ของเราก็จะดึงดูดลูกค้าได้ เนื่องจากระบบปลั๊กอินไฮบริดมีคุณสมบัติที่ดีและทดแทนรถยนต์ไฟฟ้าล้วนได้ในบางสถานการณ์ นั่นคือกลยุทธ์ของเราในเวลานี้” ชิราคาวะ กล่าว
ขณะเดียวกัน Mitsubishi ยังยืนยันว่าเป้าหมายการสร้างการเติบโตสูงสุดจะโฟกัสที่ภูมิภาคอาเซียนและโอเชียเนีย ซึ่งแน่นอนว่าเมืองไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญในการผลิต
ด้วยความที่ภูมิภาคนี้ยังไม่มีโครงข่ายจุดชาร์จไฟที่แข็งแกร่งเท่ายุโรปหรือสหรัฐอเมริกา ทำให้ค่ายรถจากญี่ปุ่นรายนี้เล็งเห็นว่าระบบปลั๊กอินไฮบริดคือหนึ่งในโซลูชั่นที่ดีและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ Mitsubishi ต้องคำนึงถึงคือต้นทุนการพัฒนาที่ต้องเหมาะสมกับภูมิภาคนี้ ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ามักมีต้นทุนสูงและอาจไม่เหมาะกับการใช้งานรวมถึงความต้องการของลูกค้า
ชิราคาวะชี้ว่าการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่ปัญหา แต่อุปสรรคอยู่ที่ต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะวัตถุดิบหายากอย่างนิกเกิลและโคบอลต์ ซึ่งจะเปิดช่องว่างให้แก่รถปลั๊กอินไฮบริดและไฮบริดดั้งเดิมสามารถทำตลาดได้อีกนาน
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });