Mitsubishi Outlander

รูปลักษณ์ของ Mitsubishi Outlander PHEV เป็นเอสยูวีสไตล์ครอบครัว ดูเรียบร้อยลงตัวแต่ไม่หวือหวา แต่แฝงเอกลักษ์ของมิตซูมิชิไว้อย่างเด่นชัด มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED Twin Projector ตกแต่งด้วยกรอบสีเงินต่อเนื่องลงมาถึงด้านล่างที่ติดตั้งสปอตไลต์ทรงกลม, ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED, ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED, ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Welcome Light และ Coming Home Light System, กระจังหน้าโครเมียมรมดำ และไฟท้ายแบบ LED นอกจากนี้ยังมีกระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบไล่ฝ้า, ที่ฉีดน้ำล้างไฟหน้า Headlamp Washer, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, เสาอากาศแบบครีบฉลาม, ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 225/55 R18 

ภายในห้องโดยสารเน้นความเรียบง่ายสะอาดตา เบาะนั่งแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง ตัวเบาะหุ้มหนังแท้สลับหนังสังเคราะห์ เพิ่มความหรูหราด้วยตะเข็บไขว้ Diamond Quilting บริเวณเบาะนั่งและแผงประตู เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า เบาะหลังปรับเอนและปรับพับแยกแบบ 60:40 ได้ ชุดมาตรวัดความเร็วเป็นแบบอนาล็อก โดยมีเข็มแสดงข้อมูลการทำงานของระบบไฮบริดอยู่ทางฝั่งซ้าย หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีอยู่ตรงกลาง พวงมาลัยเป็นแบบหุ้มหนังปรับได้ 4 ทิศทาง มีระบบ Adaptive Cruise Control (เฉพาะรุ่น GT-Premium), ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และปุ่มแสดงภาพจากกล้องรอบคันมาให้ ส่วนแป้นบวก-ลบบริเวณพวงมาลัยไม่ใช่แพดเดิ้ลชิพแต่เป็น Regenerative Braking Level Selector สำหรับใช้ในการเลือกระดับการชาร์จไฟไปเก็บไว้ยังแบตเตอรี่ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ช่องจ่ายไฟ USB 2.1A สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay, ฟังก์ชั่น Mitsubishi Remote Control สำหรับสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟน 

จุดเด่นสำคัญของ Mitsubishi Outlander PHEV อยู่ที่ช่องจ่ายไฟแบบ AC ขนาดสูงสุด 1,500 วัตต์ โดยช่องเสียบจะมีทั้งบริเวณเบาะนั่งแถวหลัง และห้องเก็บสัมภาระท้ายเพื่อความสะดวกในการใช้งานรูปแบบต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น เวลาเราไปแคมปิ้งก็สามารถเสียบเตาไฟฟ้าเพื่อใช้ในการปรุงอาหารได้เหมือนปลั๊กไฟบ้านนั้นละ (กำลังไฟสูงสุดของเครื่องใช้ไฟฟ้ารวมกันไม่เกิน 1,500 วัตต์เท่านั้น)

S-AWC (Super All Wheel Control) เทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อระดับตำนานจากมิตซูบิชิ ทำงานร่วมกับ Active Yaw Control, Active Stability Control และ Anti-Lock Braking System ที่จะควบคุมการขับเคลื่อนอัจฉริยะ ช่วยรักษาสมดุลอย่างอิสระทั้ง 4 ล้อ พร้อมโหมดให้เลือกใช้งานตามสภาพเส้นทางที่เหมาะสม

ระบบความปลอดภัย Mitsubishi Outlander PHEV 

• ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมช่วยชะลอความเร็ว FCM
• ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ ACC
• ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ AHB
• ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง UMS
• ระบบเตือนมุมอับสายตาและเตือนขณะเปลี่ยนเลน BSW with LCA
• ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด RCTA
• กล้องมองภาพรอบคัน Multi Around Monitor

ขณะที่ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ประกอบด้วย ถุงลมนิรภัย 7 ใบ, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASC, ระบบเบรก ABS/EBD/BA, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA, สัญญาณกะระยะหน้า-หลัง และจุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX เป็นต้น

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC MIVEC ECI-Multi 4B12 ขนาด 2.4 ลิตร 2,359 ซีซี. กำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า AC Synchronous Permanent Magnetic Motor 2 ตัว ด้านหน้า S61 กำลังสูงสุด 82 แรงม้า 137 นิวตันเมตร และ ด้านหลัง Y61 กำลังสูงสุด 95 แรงม้า 195 นิวตันเมตร เมื่อเครื่องยนต์ ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังรวม 305 แรงม้า แบตเตอรี่ Lithium-ion 300 volts ความจุ 13.8 kWh ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD

มาลองขับในโหมด EV ก่อนเลย กดคันเร่งลงไปให้ความรู้สึกเหมือนขับรถไฟฟ้าล้วน แตะคันเร่งเบาๆ รถก็พุ่งออกตัวไปอย่างเงียบเชียบและรวดเร็ว ไม่ต้องประคองคันเร่งมาก ขับใช้งานได้เหมือนปกติ กดคันเร่งลึกๆ ได้โดยเครื่องยนต์ไม่ทำงานถ้ามีไฟฟ้ามากพอ ถ้าค่อยๆกดคันเร่งเพิ่มความเร็วขึ้นไปในโหมด EV สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และวิ่งได้ไกลถึง 55 กิโลเมตร ขับเพลินไฟหมดรถปรับมาเป็นระบบไฮบริดมาลองระบบไฮบริดกันบ้างกดคันเร่งเต็มกำลังเครื่องยนต์ทำงานร่วมมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังถึง 305 แรงม้า แรงบิด 531 นิวตันเมตร ตัวเลขอาจจะดูแรงมากแต่มันไม่ได้แรงอย่างที่คิด มันออกไปแบบนิ่มๆนุ่มนวลไม่กระฉาก อาจจะด้วยการปรับแต่งให้เน้นการใช้งานแบบนุ่มนวลมากกว่า อัตราเร่งปกติไม่ได้หวืดหวาอะไรช่วงกลางถึงปลายความเร็วเพิ่มขึ้นต่อเนื่องลื่นไหลดี ขณะที่พวงมาลัยให้การตอบสนองได้ค่อนข้างดี มีน้ำหนักเบาคล่องตัว สามารถลัดเลาะไปตามสภาพการจราจรได้อย่างไม่ยากเย็นคล่องตัวดี ออกนอกเมืองใช้ความเร็วสูงตัวรถยังคงนิ่งไม่โคลงช่วยให้สามารถขับขี่ทางไกลได้แบบไม่ต้องเกร็งแขนให้เมื่อย

ระบบกันสะเทือนอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังมัลติลิงก์ การขับให้ความคล่องแคล่วเกินตัว รถไม่มีอาการย้วยหรือเชื่องช้าขณะเปลี่ยนเลน ขับได้คล่องไม่เหมือนรถที่หนักเกือบ 2 ตัน ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะการวางน้ำหนักให้กระจายอย่างสมดุล และตัวถังที่แน่นหนา ช่วงล่างค่อนข้างหนึบไม่ยวบย้วย แต่ยังคงมีระยะให้ตัวที่มากพอสมควร เมื่อบวกกับยาง 225/50/18 จึงให้ความรู้สึกไปทางกระชับแน่น ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น ให้แรงเบรกที่ดี หนักแน่น ควบคุมแรงเบรกได้ง่าย

อัตราสิ้นเปลือง Mitsubishi Outlander PHEV เฉลี่ยอยู่ที่ 52.6 กม./ลิตร

Mitsubishi Outlander PHEV แม้ว่าตัวเลขพละกำลัง 305 แรงม้า ถึงเวลาขับจริงอาจจะไม่ปรู๊ดปร๊าดอย่างที่คิด แต่โดยรวมมันเป็นรถที่เหมาะสำหรับขับขี่ไป-กลับที่ทำงานในเมือง เพราะเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่เพียงพอให้คุณไม่ต้องใช้น้ำมัน แถมวันหยุดออกไปเที่ยว Mitsubishi Outlander PHEV คันนี้ก็พร้อมจะคุณไปเที่ยวต่างจังหวัดได้อย่างสบาย ด้วยอุปกรณ์มาตรฐานภายในห้องโดยสารที่มีอย่างครบครัน ช่วงล่างที่เน้นความนุ่มนวล นั่งสบาย จะขับไปกางเต็นท์ก็มีช่องจ่ายไฟ AC ขนาด 1,500 วัตต์ให้ใช้ แม้จะเป็นเพียงรายละเอียดเล็กๆ แต่ก็สามารถใช้งานได้จริง หากคุณกำลังมองหารถ Compact SUV สักคันไปลองขับ Outlander PHEV ดูผมว่ามันน่าสนใจไม่น้อย